MTC เปิดงบ Q1 พอร์ตสินเชื่อโต 17.4% แตะระดับ 147587 ลบ.

   เมื่อ : 08 พ.ค. 2567

บมจ.เมืองไทย แคปปิตอล (MTC) ตอกย้ำความมุ่งมั่นสู่ไมโครไฟแนนซ์มาตรฐานระดับโลก เน้นจุดแข็งความยั่งยืน สร้างโอกาสการเข้าถึงแหล่งเงินทุนและความเท่าเทียมของลูกค้าในทุกมิติ โชว์งบไตรมาส 1/67 พอร์ตสินเชื่อพุ่งแตะ 147587 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17.4% กำไรสุทธิ 1389 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 29.8% เทียบงวดเดียวกันของปีก่อน ขณะที่เอ็นพีแอลอยู่ที่ระดับ 3.03% ฟากผู้บริหาร “ปริทัศน์ เพชรอำไพ”มั่นใจแนวโน้มผลงานปี 67 โตแกร่ง พอร์ตสินเชื่อเติบโตได้ 15-20%

 

นายปริทัศน์ เพชรอำไพ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เมืองไทย แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) (MTC) เปิดเผยว่า บริษัทฯ ยังคงมุ่งมั่นสู่การเป็นไมโครไฟแนนซ์มาตรฐานระดับโลก เน้นจุดแข็งความยั่งยืนให้กับธุรกิจ สร้างความเท่าเทียมทางการเงินให้ครอบคลุมทั่วประเทศ พัฒนาการบริการลูกค้าให้เกิดความประทับใจในทุกมิติ โดยในไตรมาส 1/2567 บริษัทฯมีรายได้รวม 6631 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17.8% กำไรสุทธิ 1389 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 29.8% และพอร์ตสินเชื่อเติบโต 17.4% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน แตะที่ระดับ 147587 ล้านบาท

 

“ปัจจัยหนุนสำคัญที่ช่วยผลักดันรายได้และกำไรในไตรมาส 1/2567 ยังคงมาจากแรงขับเคลื่อนของสินเชื่อจำนำทะเบียนรถ และการขยายสาขาเพิ่ม ทำให้ยอดปล่อยกู้ขยายตัวมากขึ้น โดยบริษัทฯได้เปิดสาขาเพิ่ม 251 สาขา รวมเป็น 7788 สาขา ในสิ้นเดือนมีนาคม 2567 ซึ่งในปีนี้เรามีแผนเปิดเพิ่ม 600 สาขา เพื่อรองรับดีมานด์ลูกค้า”

 

สำหรับหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) ในไตรมาส 1/2567 ปรับตัวลดลงจากไตรมาสก่อนมาอยู่ที่ 3.03% ซึ่งมั่นใจว่าได้ผ่านจุดสูงสุดไปแล้วตั้งแต่ปี 2566 หลังจากตัดหนี้สูญ และขายเอ็นพีแอล รวมไปถึงให้ความสำคัญกับการปล่อยสินเชื่อด้วยความระมัดระวังขึ้น

 

รองกรรมการผู้จัดการ MTC กล่าวอีกว่า มั่นใจว่าแนวโน้มผลการดำเนินงานของบริษัทฯในปี 2567 จะเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ โดยตั้งเป้าพอร์ตสินเชื่อเติบโต 15-20% เพื่อกระจายการเข้าถึงแหล่งเงินทุนผ่านสาขาที่คาดว่าจะมีอยู่กว่า 8000 แห่ง ภายในสิ้นปีนี้ และตั้งเป้าคุมสัดส่วนเอ็นพีแอลไม่เกิน 3.2% ควบคู่ไปกับการบริหารจัดการต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีแผนการจัดหาเงินทุนผ่านการกู้ยืมจากสถาบันการเงินทั้งในและต่างประเทศ และการออกหุ้นกู้

 

ทั้งนี้  MTC ได้รับการประเมินการกำกับดูแลกิจการอยู่ในระดับ "ดีเลิศ" (5 ดาว) รวมถึงผลประเมินหุ้นยั่งยืน (ESG Rating) จากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ในระดับ A และผลประเมิน MSCI Index ในระดับ AA สะท้อนการเป็นผู้นำในธุรกิจสินเชื่อไมโครไฟแนนซ์ที่มีความรับผิดชอบและเป็นธรรม มุ่งสร้างเสถียรภาพทางการเงิน เสริมความแข็งแกร่งให้ระบบเศรษฐกิจ เติบโตเคียงคู่สังคมไทยอย่างยั่งยืน

 

ขณะเดียวกันยังมุ่งมั่นยกระดับการบริการสินเชื่อให้เป็นแหล่งเงินทุนที่มีคุณภาพในมาตรฐานระดับโลก (World-class Thai Microfinance) สอดรับความร่วมมือองค์การระหว่างประเทศหลายสถาบัน เช่น ความร่วมมือรัฐบาลญี่ปุ่น (JICA) และรัฐบาลเยอรมนี (KFW DEG) เพื่อระดมทรัพยากรทางการเงินเป็นที่พึ่งให้กับประชาชนอย่างทั่วถึง ภายใต้หลักธรรมาภิบาล เคารพในสิทธิ รักษาผลประโยชน์ และตอบสนองความคาดหวังของลูกค้าให้เกิดความประทับใจสูงสุด