EXIM BANK โชว์ไตรมาส 3 ปี 68 อนุมัติสินเชื่อใหม่ 36405 ลบ.
นายชลัช รัตนบุญนิธิ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) แถลงผลการดำเนินงาน ณ สิ้นไตรมาส 3 ปี 2568 สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของ EXIM BANK ในการเป็นกลไกสำคัญขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย สนับสนุนผู้ประกอบการให้ปรับตัว แข่งขันได้ และมีรากฐานที่มั่นคงในระยะยาว สอดคล้องกับนโยบายรัฐบาล “กระตุ้นสั้น ได้ยาว กระจายตัว” (Quick Big Win) ผ่าน 4 แนวทางหลัก ได้แก่ 1. กระตุ้นการส่งออก ด้วยสินเชื่อ “EXIM Export Booster” เพื่อสนับสนุนเงินทุนแก่ผู้ประกอบการไทยที่ได้รับผลกระทบจากสงครามการค้า มาตรการภาษีแบบตอบโต้ (Reciprocal Tariffs) ของสหรัฐฯ และปัจจัยภูมิรัฐศาสตร์ รวมถึงการให้สินเชื่อพร้อมประกันการส่งออก (EXIM Safe Trade Credit) เพื่อบริหารความเสี่ยงและสร้างความมั่นใจให้ผู้ประกอบการสามารถขยายธุรกิจสู่ตลาดใหม่ 2. แก้ไขหนี้ ผ่านมาตรการ “คุณสู้ เราช่วย” และการปรับโครงสร้างหนี้ที่เหมาะสม เพื่อช่วยเหลือลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจให้สามารถฟื้นฟูกิจการและปิดหนี้ได้เร็วขึ้น 3. เพิ่มสภาพคล่อง ด้วย “สินเชื่อเอ็กซิมเพื่อการส่งเสริมการจ้างงาน ระยะที่ 3” ร่วมกับสำนักงานประกันสังคม (สปส.) เพื่อเสริมสภาพคล่องให้สถานประกอบการสามารถรักษาการจ้างงาน รวมถึงสินเชื่อระยะสั้นต่าง ๆ ของธนาคาร และ 4. ลงทุนเพื่ออนาคต โดยสนับสนุนสินเชื่อที่เชื่อมโยงกับผลลัพธ์ด้านความยั่งยืน อาทิ Sustainability Linked Loan และสินเชื่อ EXIM Green Goal เพื่อยกระดับศักยภาพธุรกิจไทยให้เติบโตบนเส้นทางเศรษฐกิจสีเขียว
ด้านการกระตุ้นเศรษฐกิจและเสริมสภาพคล่อง ณ สิ้นไตรมาส 3 ปี 2568 EXIM BANK อนุมัติสินเชื่อใหม่ 36405 ล้านบาท และมียอดสินเชื่อคงค้างและภาระผูกพันรวมทั้งสิ้น 189244 ล้านบาท โดยเป็นยอดคงค้างที่สนับสนุนการรุกตลาดใหม่ (New Frontiers) รวมถึงกลุ่มประเทศ CLMV 36399 ล้านบาท
ด้านการบริหารความเสี่ยง EXIM BANK ได้สร้างเกราะป้องกันผู้ประกอบการจากความผันผวนทางเศรษฐกิจและการค้าระหว่างประเทศ ผ่านบริการประกันการส่งออก ซึ่งช่วยบริหารจัดการความเสี่ยงจากปัจจัยที่ไม่คาดคิด เช่น การผิดนัดชำระหนี้ของคู่ค้า ความไม่มั่นคงทางการเมืองในบางประเทศ โดย ณ สิ้นไตรมาส 3 ปี 2568 EXIM BANK มีปริมาณธุรกิจบริการประกันรวม 152091 ล้านบาท สะท้อนบทบาทการเสริมสร้างความเชื่อมั่นให้ผู้ส่งออกสามารถขยายตลาดต่างประเทศได้อย่างมั่นใจ โดยเฉพาะการขยายตลาดส่งออกใหม่เพื่อกระจายความเสี่ยง
EXIM BANK มีฐานลูกค้ารวม 5188 ราย ในจำนวนนี้เป็นลูกค้า SMEs 79.38% นอกจากนี้ EXIM BANK ได้ร่วมมือกับหน่วยงานพันธมิตร ดำเนินการเสริมศักยภาพผู้ประกอบการผ่านการบ่มเพาะองค์ความรู้ การสร้างเครือข่ายทางธุรกิจ และการชี้ช่องทางสู่ตลาดใหม่ โดยมีผู้ประกอบการที่ได้รับการส่งเสริมศักยภาพสะสมรวม 24410 ราย
ด้านการบริหารจัดการคุณภาพหนี้ EXIM BANK ให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการคุณภาพหนี้ ควบคู่กับการออกมาตรการต่าง ๆ เพื่อแก้ไขหรือปรับโครงสร้างหนี้อย่างทันการณ์ โดย ณ สิ้นไตรมาส 3 ปี 2568 EXIM BANK มีสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPLs) 7069 ล้านบาท คิดเป็น NPL Ratio ที่ 3.99% ลดลงจาก 5.16% ในช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีค่าเผื่อผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น 17702 ล้านบาท คิดเป็นอัตราส่วนค่าเผื่อผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นต่อสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (Coverage Ratio) เท่ากับ 250.42% สะท้อนความแข็งแกร่งในการบริหารความเสี่ยงของธนาคาร แม้ภาวะเศรษฐกิจและการส่งออกของไทยยังเผชิญหลากหลายปัจจัยเสี่ยง โดย EXIM BANK มีกำไรสุทธิ 1299 ล้านบาท
ด้านการส่งเสริมการลงทุนเพื่ออนาคต EXIM BANK สนับสนุนสินเชื่อและภาระผูกพันเพื่อการลงทุน 140081 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 74.02% ของยอดคงค้างทั้งหมด โดยมุ่งเน้นการพัฒนาอย่างยั่งยืน (ESG) ทำให้มียอดสินเชื่อคงค้างและภาระผูกพันเพื่อความยั่งยืน 89134 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 47.10% ของยอดคงค้างรวม ซึ่งนอกจากการลงทุนในโครงการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมแล้ว ธนาคารยังสนับสนุนผู้ประกอบการทุกขนาดให้สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนในการยกระดับกิจการให้เป็นที่ยอมรับในระดับสากล รวมถึงการใช้เทคโนโลยีเพื่อลดต้นทุนและคาร์บอนไปพร้อม ๆ กัน อาทิ สินเชื่อ Green X Transformation เพื่อให้ธุรกิจไทยสามารถแข่งขันและเติบโตอย่างยั่งยืน
“ในช่วงโค้งสุดท้ายของปี EXIM BANK จะทำหน้าที่เสมือน Export Co-pilot คู่คิดและพันธมิตรทางธุรกิจที่สามารถนำพาผู้ประกอบการไทยเดินทางไปปักธงในตลาดใหม่ได้จริง มียอดส่งออกเพิ่มขึ้น ด้วยเครื่องมือทางการเงินและการบริหารความเสี่ยงที่พร้อมในทุกสถานการณ์ เพื่อเป็นฟันเฟืองสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ และยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของผู้ประกอบการไทยตลอดห่วงโซ่อุปทานให้เติบโตได้อย่างเข้มแข็งและยั่งยืนต่อไป”