ATP30 เผยผลประกอบการไตรมาส 1/67 รายได้รวม 177.2 ล้านบาท กำไรสุทธิ 10.43 ล้านบาท โต 244.22% แนวโน้มไตรมาส 2/67 เติบโตต่อเนื่อง เดินหน้ากลยุทธ์บริหารต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ เดินหน้าขยายฐานลูกค้า เพิ่มบริการ เล็งเพิ่มจำนวนรถบัสและ EV เพิ่ม รองรับดีมานด์ตลาดสูง พร้อมจับมือพันธมิตรลงทุนสถานีชาร์จ 

นายปิยะ เตชากูล กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอทีพี 30 จำกัด (มหาชน) (ATP30) ผู้ดำเนินธุรกิจให้บริการรถรับส่งพนักงานจากแหล่งที่พักอาศัยในเขตชุมชนไปยังโรงงานอุตสาหกรรมหรือสถานประกอบการโดยเฉพาะรอบเขตนิคมอุตสาหกรรมในภาคตะวันออก (Eastern Seaboard) เปิดเผยว่า ผลประกอบการไตรมาส 1/2567 บริษัทมีรายได้รวม 177.20 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีรายได้รวม 166.91 ล้านบาท จำนวน 10.29 ล้านบาท หรือ 6.16% และมีกำไรสุทธิ 10.43 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 3.04 ล้านบาท จำนวน 7.04 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 244.22%

ทั้งนี้รายได้รวมและกำไรสุทธิของบริษัทปรับตัวสูงขึ้น เนื่องจากการบริหารจัดการต้นทุนการดำเนินงานอย่างมีประสิทธิภาพ การเพิ่มการให้บริการที่เรียกว่า VIP Vehicle Service (VVS) สำหรับให้บริการรับงานขนส่งแบบครั้งคราว ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีอย่างมากจากกลุ่มลูกค้า อีกทั้งบริษัทมีลูกค้ารายใหม่เพิ่มขึ้นจำนวน 4 ราย และลูกค้าเดิมเพิ่มปริมาณการใช้รถรับส่งมากขึ้น

ปัจจุบันบริษัทมีลูกค้าจำนวน 68 ราย โดยมีรถโดยสารที่ให้บริการทั้งสิ้นจำนวน 745 คัน ประกอบด้วยรถโดยสารบริษัท 685 คัน แบ่งเป็น รถบัสโดยสาร 267 คัน รถมินิบัสโดยสาร 51 คัน รถตู้/รถตู้วีไอพีโดยสาร 357คัน รถไฟฟ้าโดยสาร 8 คัน และรถกระบะให้บริการ  2 คัน และมีรถโดยสารร่วมบริการอีก 60 คัน

สำหรับทิศทางธุรกิจไตรมาส 2/67 บริษัทมีความมั่นใจว่าจะสามารถสร้างการเติบโตต่อเนื่อง โดยมุ่งเน้นการบริหารจัดการต้นทุนและการเดินรถอย่างมีประสิทธิภาพ ขยายฐานลูกค้ารายใหม่และเพิ่มการให้บริการกับลูกค้ารายเดิมในโซนภาคตะวันออก และสระบุรี อยุธยา กรุงเทพฯ อย่างต่อเนื่อง

ด้านแผนลงทุนบริษัทจะเพิ่มจำนวนรถอีก 30 คันในปีนี้ โดยเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในรถไฟฟ้า (EV) มากขึ้น เนื่องจากตลาดมีความต้องการสูง รวมถึงปรับปรุงสภาพรถให้เหมาะสม เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้า ขณะที่การลงทุนด้านพลังงานทดแทน บริษัทมีการติดตั้งระบบ solar rooftop เพิ่มขึ้นจาก 40 กิโลวัตต์ เป็น 60 กิโลวัตต์บนหลังคาโรงจอดรถ โรงซ่อมบำรุง และในอนาคตบริษัทมีแผนร่วมมือกับพันธมิตรลงทุนด้านสถานีชาร์จเพิ่มเติม

“บริษัทยังคงเป้าหมายรายได้ปี 67 เติบโต 10% และรักษาอัตรากำไรขั้นต้นให้อยู่ในระดับ 20-22% รวมถึงอัตรากำไรสุทธิประมาณ 8-10%”นายปิยะ กล่าว