แลคตาซอย เผยเทรนด์ผู้บริโภคในปัจจุบันยังคงให้ความสำคัญกับการใส่ใจสุขภาพต้องมาก่อน ส่งผลให้ตลาดเครื่องดื่มสุขภาพมีอัตราการเติบโตต่อเนื่อง พร้อมเดินหน้าจัดแคมเปญ “เข้าศูนย์สุขภาพดี กับแลคตาซอย 0%” สื่อสารไปยังผู้บริโภคทุกกลุ่มให้หันมาดูแลตนเองแบบง่าย ๆ ด้วยการเข้าศูนย์สุขภาพดี ดื่มนมถั่วเหลือง สูตรไม่เติมน้ำตาลทราย ตั้งเป้าแลคตาซอย 0% สูตรไม่เติมน้ำตาลทราย เติบโตที่ 8% ในปีนี้      

นางสาวพรรวนา มหาทรัพย์ ผู้จัดการฝ่ายโฆษณาและการตลาดสัมพันธ์ บริษัท แลคตาซอย จำกัด เปิดเผยว่า ด้วยเทรนด์สุขภาพที่เป็น Mega Trend ทั่วโลก ส่งผลให้เครื่องดื่มสุขภาพเติบโตขึ้นต่อเนื่อง รวมถึงประเทศไทย ที่มีอัตราการเติบโตต่อเนื่องตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา ซึ่งแลคตาซอยได้ปรับโฉมแลคตาซอย 0% (ศูนย์เปอร์เซ็นต์) สูตรไม่เติมน้ำตาลทราย โดยล่าสุดจัดแคมเปญ “เข้าศูนย์สุขภาพดี กับแลคตาซอย 0%” เพื่อส่งเสริมให้ผู้บริโภคหันมาดูแลสุขภาพ ด้วยการดื่มนมถั่วเหลืองแบบไม่มีน้ำตาล ซึ่งยังคงรสชาติและความอร่อยกลมกล่อมเต็มกล่อง

ทั้งนี้ ได้วางงบประมาณสำหรับแคมเปญไว้ที่ 45 ล้านบาท โดยมีการจัดทำ Clip ให้ความรู้จากแพทย์ของโรงพยาบาลพญาไท เกี่ยวกับคุณประโยชน์ถั่วเหลืองและประโยชน์ในการดื่มนมถั่วเหลืองที่ไม่หวาน และการจัดทำหนังโฆษณาในรูปแบบออฟไลน์และออนไลน์ทุกแพลตฟอร์ม ผ่านการใช้ KOL สายไลฟ์สไตล์และสุขภาพ รวมทั้งการจัดกิจกรรมต่าง ๆ ต่อเนื่องตลอดทั้งปี เพื่อสื่อสารไปยังผู้บริโภคทุกกลุ่มวัย ให้หันมาเข้าศูนย์สุขภาพดี หันมาดูแลตนเองแบบง่าย ๆ ด้วยการดื่มนมถั่วเหลือง สูตรไม่เติมน้ำตาลทราย คงความอร่อยเกินต้านกลมกล่อมหอมมันแบบเฉพาะของแลคตาซอย รับโปรตีนจากเมล็ดถั่วเหลืองที่คัดสรรมาอย่างดี มีกรดอะมิโน 9 ชนิด  มีโอเมก้า 369 แคลเซียม ธาตุเหล็ก และวิตามินบี 2

“หลายปีที่ผ่านมาเทรนด์การดื่มเครื่องดื่มสุขภาพที่ไม่หวานหรือหวานน้อย มีอัตราการเติบโตของตลาดอย่างต่อเนื่อง ด้วยกลุ่มอายุของคนไทยที่เพิ่มมากขึ้นหันมาเลือกผลิตภัณฑ์ที่ดีต่อสุขภาพให้กับตนเอง นอกจากนี้ กลุ่มคนรุ่นใหม่เริ่มหันมาดื่มเครื่องดื่มที่มีความหวานลดลง ส่งผลให้ตลาดเครื่องดื่มสุขภาพมีอัตราการเติบโตต่อเนื่อง แลคตาซอยเราเป็นผู้นำในตลาดนมถั่วเหลืองของประเทศไทย มีสัดส่วนการตลาดอันดับหนึ่ง โดยเราตั้งเป้าหมายการเติบโตในกลุ่มผลิตภัณฑ์แลคตาซอย แบบไม่หวาน น้ำตาล 0% ไว้ที่ 8% ในปีนี้ และมั่นใจว่าผลิตภัณฑ์กลุ่มนี้จะสามารถสร้างให้เติบโตได้อีกมากในอนาคต” นางสาวพรรวนา กล่าว