PHG กวาดกำไร Q1 โต 49.38% รายได้เพิ่มทุกกลุ่ม

   เมื่อ : 16 พ.ค. 2567

“แพทย์รังสิตเฮลท์แคร์กรุ๊ป” กวาดกำไร Q1/67 ที่ 66.55 ลบ. โตสนั่น 49.38% หลังรายได้เพิ่มทุกกลุ่มลูกค้า โชว์ฐานะการเงินแข็งแกร่ง เงินสดเต็มมือ D/E ต่ำ

 

นายรณชิต แย้มสอาด ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แพทย์รังสิตเฮลท์แคร์กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ PHG เปิดเผยว่า ผลประกอบการในช่วงไตรมาสที่ 1 ของปี 2567 บริษัทมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 66.50 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 22 ล้านบาท หรือคิดเป็นเพิ่มขึ้น 49.38% จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 44.55 ล้านบาท ในขณะที่บริษัทมีรายได้รวมอยู่ที่ 566.72 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 81.52 ล้านบาท หรือคิดเป็นเพิ่มขึ้น 16.80% จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีรายได้รวม 485.20 ล้านบาท โดยการเพิ่มขึ้นของกำไรสุทธิ และรายได้ของบริษัทมีสาเหตุหลักมาจากการเติบโตของรายได้จากการให้บริการกับกลุ่มลูกค้าปกติ หรือ Normalized revenue ทั้งจำนวนรายได้จากการประกอบกิจการโรงพยาบาลของสามารถจำแนกรายได้ตามประเภทลูกค้า ได้แก่รายได้จากกลุ่มลูกค้าทั่วไป ซึ่งประกอบด้วยกลุ่มลูกค้าทั่วไป และกลุ่มลูกค้าคู่สัญญา รวมถึงรายได้จากกลุ่มลูกค้าโครงการสวัสดิการภาครัฐ ซึ่งประกอบด้วยโครงการประกันสังคม โครงการของสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หรือ สปสช. และโครงการสวัสดิการข้าราชการ

 

ทั้งนี้อัตราการครองเตียงในช่วงไตรมาสที่ 1 ของปี 2567 อยู่ที่ 77.39% ลดลงเล็กน้อยจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่อยู่ที่ 82.25% แต่ตัวเลขอัตราการเข้ารับบริการของผู้ป่วยนอกอยู่ที่ 68.09% เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่อยู่ที่ 60.47% โดยการเพิ่มขึ้นดังกล่าวเป็นการเพิ่มขึ้นของจำนวนผู้เข้ารับบริการในส่วนลูกค้าทั่วไป และลูกค้ากลุ่มสวัสดิการภาครัฐ โดยเฉพาะลูกค้าในโครงการประกันสังคม เนื่องจากโรงพยาบาลได้เปิดรับจำนวนผู้ประกันตนเพิ่มขึ้นในเดือนมีนาคม 2566 จาก 140000 คน เป็น 156000 คน โดยมีผู้ประกันตนเลือกใช้สิทธิกับโรงพยาบาลกว่า 155000 คน

 

ในขณะที่ฐานะทางการเงินของบริษัทมีความแข็งแกร่ง โดยมีสินทรัพย์รวม 2403.04 ล้านบาท โดยมีเงินสด และรายการเทียบเท่าเงินสดจำนวน 273.02 ล้านบาท ลูกหนี้การค้า และลูกหนี้หมุนเวียนอื่นจำนวน 118.20 ล้านบาท รายได้ค่าบริการทางการแพทย์ค้างรับจำนวน 207.67 ล้านบาท สินทรัพย์ทางการเงินหมุนเวียนอื่นจำนวน 767.75 ล้านบาท และที่ดิน อาคาร และอุปกรณ์จำนวน 860.47 ล้านบาท มีหนี้สินรวม 373.72 ล้านบาท แบ่งเป็นเจ้าหนี้การค้า และเจ้าหนี้อื่นจำนวน 265.55 ล้านบาท และเงินกู้ยืมระยะยาวจำนวน 15.84 ล้านบาท และมีส่วนของผู้ถือหุ้นอยู่ที่ 2029.32 ล้านบาท ส่งผลให้บริษัทมีอัตราหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้นอยู่ในระดับที่ต่ำเพียง 0.18 เท่า