6 โบรค เชื่อมั่น NER แนะนำ”ซื้อ” โตรับอนิสงค์จากราคายางเพิ่ม

   เมื่อ : 20 พ.ค. 2567

บล.เอเอสแอล

 

ราคายางสูงขึ้น ชดเชยปริมาณการขายที่ลดลง มองรายได้ และกำไรทั้งปีเติบโต และ GPM สูงกว่าปีก่อน

 

· 1Q67 ยอดขายและกำไรเติบโตได้ดี แม้ปริมาณขายลดลง แต่ชดเชยได้ด้วย GPM ที่สูงขึ้น

 

· ช่วง 2Q67 คาดราคาขายปรับตัวขึ้นอย่างมาก มองปริมาณการขายย่อตัวลง แต่คาด GPM จะสูงกว่า 1Q67

 

บล.อินโนเวสท์ เอกซ์

 

· NER มองปี 2567 อุปทานยางน้อยกว่าปี ก่อนจากเอลนีโญ ซึ่งกว่าอุปทานกลับเป็นปกติเร็วสุดคาดอยู่ปลาย มิ.ย. ทําให้บริษัทมีแผนปรับลดปริมาณขายลงมากกว่า 10% จากที่ตั้งเป้าไว้ 5.1 แสนตัน (เป้าใหม่แจ้งหลังประกาศงบ 2Q67) โดยคาด 3Q67 ยอดขายจะลดลงมากสุดจากอุปทานเข้าสู่ตลาดน้อย ขณะที่ราคาขายยางคาดอยู่แถว 68-77 บาทต่อ กก. จากปีก่อนที่ 50-60 บาท ต่อ กก.

 

· ล่าสุดบริษัทตัดสินใจชะลอแผนสร้างโรงงานแห่งที่ 3 อีกครั้งเพื่อดูความเสี่ยง หลังอุปทานยางลดลง แต่มีหลายบริษัทเตรียมสร้างโรงงานผลิตยางในไทยเพิ่ม โดยอย่างเร็วสุดหากมีการสร้างจะ เริ่มปลายปีนี้และคาดจะผลิตได้ 3Q68 (จากเดิมที่คาดจะสร้างเสร็จปลายปีนี้และเริมผลิตต้นปี68

 

บล. กรุงไทย เอ็กซ์สปริง กำไรปกติ 1Q24 ดีคามคาด และโมเมนตัมจะดีขึ้นใน 2Q24E

 

· เราคงคำแนะนำ ซื้อ (FV 6.51 บาท) จากความเสี่ยงทางเทคนิคขา ลงที่จำกัด หลังราคาหุ้นปรับลดลงราว 14% เมื่อเราแนะนำ “ขายทำกำไร” หุ้นกลุ่มยางพาราในช่วงกลางเดือน มี.ค. ที่ราคายางท า จุดสูงสุด ขณะที่กำไรปกติ 1Q24 ดีตามคาด และคาดโมเมนตัมกำไร ปกติ 2Q24E จะแข็งแกร่งขึ้น QoQ จากแนวโน้มราคาขายที่คาดจะ สะท้อนราคายางขาขึ้นอย่างเต็มที่โดยเราคงมุมมองเชิงบวกต่อ ราคายาง-การฟื้นตัวของกำไรปกติในปี 2024E และคาดการเพิ่มขึ้น ปริมาณขายยาง จากการขยายกำลังการผลิต STR จะหนุนการ เติบโตของกำไรปกติในปี 2025-26E (คงมุมมองกำไรโตเฉลี่ย 10% CAGR ในช่วงปี 2024-26E)

 

บล. ดาโอ (ประเทศไทย) 1Q24 ใกล้เคียงคาด 2Q24E ดีต่อเนื่องอนิสงค์ราคายางสูงขึ้น

 

· เราคงคำแนะนำ “ซื้อ” และราคาเป้าหมาย 6.80 บาท อิง 2024E PER 7x ( 0.5SD above 5-yraverage PER) NER รายงานกำไรปกติ 1Q24 ที่ 476 ล้านบาท ( 57% YoY 11% QoQ) ใกล้เคียงเราคาด หลักๆ หนุนโดย 1) ราคาขายยางปรับตัวสูงขึ้นเฉลี่ย 16% YoY 10% QoQ ตามทิศทางราคายางในตลาด ส่งผลให้ GPM โดยรวมดีขึ้น 190bps YoY 30bps QoQ และ 2) SG&A อ่อนตัว โดยเราคาดเป็นผลจากค่าขนส่งลดลง เป็นไปตามปริมาณส่งออกชะลอหลังลูกค้าจีนบางส่วนมีการ wait & see และจากปัจจัยฤดูกาล

 

· เราคงกำไรปกติปี 2024E ที่ 1.8 พันล้านบาท ( 12% YoY) สำหรับ 2Q24E เบื้องต้นคาดการณ์กำไร ปกติจะโตต่อเนื่อง YoY QoQ ได้ปัจจัยหนุนหลักจากราคาขายที่มีโอกาสปรับตัวสูงขึ้น 30% YoY 25% QoQ ช่วยหนุน GPM

 

· ราคาหุ้น outperform SET 23% ใน 6 เดือน แต่กลับมา underperform SET -6% ใน 1 เดือน หลังหุ้นขึ้น XD และราคายางกลับมาชะลอตัว -13% QTD อย่างไรก็ตามราคายางปัจจุบันยังทรงตัวสูง 50% YoY ซึ่งจะเป็นปัจจัยหนุนต่อผลการดำเนินงานมากขึ้นตั้งแต่ 2Q24E ขณะที่ยังมี catalyst จากแนวโน้ม GPM มีโอกาสดีกว่าคาด ความคืบหน้าโรงงานใหม่ในปี 2025E และอานิสงส์การขยายตัวของ อุตสาหกรรม EV

 

บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) 2Q67 ยังเห็นราคาขายเฉลี่ยสูงขึ้น

 

· Q67 กำไรเติบโต y-y ได้โดดเด่นจากราคายางเฉลี่ยที่สูงขึ้น

 

· ราคาขายเฉลี่ยจะยังสูงขึ้นต่อในช่วง 2Q67 แนวโน้มกำไรเติบโต y-y และ q-q

 

· ปีนี้อาจขายยางได้ต่ำกว่าเป้า จากภัยแล้งกระทบต่อผลผลิตยาง ธรรมชาติ แต่จะได้ประโยชน์จากด้านราคายางที่สูงขึ้นกว่าปีก่อน ทำให้คาดการณ์กำไรปี 67 ยังเติบโต y-y

 

บล.หยวนต้า Volume ไม่มาก ... ราคาขายดี ... มี Upside risk

 

· ผู้บริหารมองว่าปริมาณขายในปี 2567 มีความเสี่ยงต้องปรับเป้าลงจากเดิมที่ 500000 ตัน ราว15 – 20% เนื่องจากปริมาณยางในตลาดค่อนข้างน้อย ทำให้ปริมาณวัตถุดิบเพื่อนำมาผลิตมี โอกาสขาดแคลน และราคาค่อนข้างดีไม่จำเป็นต้องทำการขายในปริมาณมาก และหันมาทำการตลาดในประเทศมากขึ้นเนื่องจากค่าใช้จ่ายในการขายน้อยกว่า และไม่ต้องไปแย่งกับการขาย ยางจากไอวอรีโคสต์ที่มีราคาต่ำกว่าราว 5%

 

· เรายังคงมุมมองบวกต่อแนวโน้มผลประกอบการ ยังคงคาด 2Q67 เป็นไตรมาสที่ดีที่สุดของปี และอาจทำระดับสูงสุดใหม่ได้ ขณะที่ 3Q – 4Q67 แม้อาจไม่ทำระดับสูงสุดใหม่เนื่องจากปริมาณขายยังมีความไม่แน่นอน แต่ราคาขายที่สูงทำให้คาดว่ากำไรปกติจะยังสูงกว่า 1Q67 ได้ 

 

· ปัจจุบันซื้อขายที่ PERอ2567 ต่ำเพียง 5.8 เท่า คาดเงินปันผล 1H67 ราว 0.12 บาท/หุ้น ให้ผลตอบแทน 2.2% และทั้งปีอยู่ที่ 0.45 บาท/หุ้น ให้ผลตอบแทน 8.1%