CIVIL เร่งส่งมอบงานมูลค่ารวม 3300 ลบ. ประมูลงานรัฐ-เอกชนเข้าพอร์ต หนุนแบ็คล็อกแตะ 22243 ลบ.

   เมื่อ : 20 พ.ค. 2567

CIVIL เดินหน้าบริหารต้นทุนก่อสร้าง พัฒนาประสิทธิภาพงานด้วยเทคโนโลยี เร่งส่งมอบงานก่อสร้าง 5 โครงการ มูลค่ารวม 3300 ล้านบาท รับรู้รายได้ต่อเนื่องจาก Backlog ที่แข็งแกร่ง 22243 ล้านบาท มองภาพรวมธุรกิจครึ่งปีหลัง 2567 เติบโตรับอุตสาหกรรมก่อสร้างฟื้น เตรียมพร้อมเข้าประมูลโครงการภาครัฐ-เอกชน มูลค่ารวมกว่า 3000-4000 ล้านบาท เล็งจับมือพันธมิตร มุ่งเน้นสร้างธุรกิจเติบโตยั่งยืน ด้านงบไตรมาส 1/2567 รายได้รวม 1030 ล้านบาท กำไรสุทธิ 25 ล้านบาท

 

นายปิยะดิษฐ์ อัศวศิริสุข ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท ซีวิลเอนจีเนียริง จำกัด (มหาชน) หรือ CIVIL  เปิดเผยถึงทิศทางธุรกิจช่วงไตรมาส 2/2567 ว่า บริษัทเดินหน้าบริหารต้นทุนโครงการเพื่อเพิ่มความสามารถในการทำกำไรที่ดี พร้อมพัฒนาการดำเนินงานก่อสร้างให้มีประสิทธิภาพ ด้วยการใช้เทคโนโลยีควบคุมการก่อสร้าง โดยมุ่งเน้นการส่งมอบงานที่มีคุณภาพ รวดเร็ว ปลอดภัย สามารถทยอยรับรู้รายได้อย่างต่อเนื่อง

 

ทั้งนี้บริษัทเตรียมส่งมอบงานจำนวน 5 โครงการ ได้แก่ โครงการอ่างเก็บน้ำคลองสังข์ โครงการพัฒนาคูน้ำวิภาวดี ตอน 2 โครงการก่อสร้างสนามบินลำปาง สนามบินหัวหิน และโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่บางสะพานน้อย-ชุมพร มูลค่ารวม 3300 ล้านบาท

 

ปัจจุบัน CIVIL มีมูลค่างานในมือ (ข้อมูล ณ วันที่ 31 มี.ค. 2567) จำนวน 22243 ล้านบาท ประกอบด้วย งานที่บริษัทได้เซ็นสัญญาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว 29 โครงการ อาทิ งานถนน งานขุดคลองระบายน้ำ และ งานอื่น ๆ มูลค่ารวม 12243 ล้านบาท และงานที่อยู่ระหว่างรอเซ็นสัญญา 8 โครงการ มูลค่ารวม 10000 ล้านบาท

 

ขณะที่ภาพรวมอุตสาหกรรมก่อสร้างในช่วงครึ่งปีหลัง 2567 คาดว่าจะมีแนวโน้มที่ดีขึ้น ภายหลังจากที่ภาครัฐอนุมัติงบประมาณปี 2567 ส่งผลให้กำหนดการเปิดประมูลงานโครงสร้างพื้นฐานมีความชัดเจน ซึ่งเป็นโอกาสของบริษัทในการเตรียมความพร้อมเข้าร่วมประมูลงานโครงการต่างๆ อาทิ โครงการก่อสร้างทางถนน โครงการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูง งานเขื่อน งานวางท่อประปา

 

“แม้ในช่วงที่ผ่านมาภาพรวมอุตสาหกรรมก่อสร้างอาจจะยังมีปัจจัยที่ท้าทาย จากการบริหารต้นทุน แรงงานก่อสร้าง ประกอบกับภาพเศรษฐกิจที่ส่งผลต่อการบริหารงานในภาพรวมของหลายบริษัท อย่างไรก็ตาม CIVIL ยังคงเชื่อมั่นในแผนการดำเนินงานและการดูแลผู้ที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นด้านพัฒนาระบบบริหารโครงการ และ ด้านการเงินให้มีประสิทธิภาพ เพื่อสามารถอยู่รอดท่ามกลางสถานการณ์วิกฤติเหล่านี้ได้

 

ขณะเดียวกันบริษัทให้ความสำคัญกับการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ผ่านโอกาสการเข้าประมูลงานทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และ งาน PPP (Public-Private Partnership) โดยคาดว่าจะมีมูลค่ารวมกว่า 3000-4000 ล้านบาท พร้อมทั้งความร่วมมือกับพันธมิตรในธุรกิจใหม่ ๆ ที่เกี่ยวข้อง อาทิ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ เครื่องจักรและวัสดุก่อสร้าง ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษาและวางแผนการพัฒนาความร่วมมือทางธุรกิจให้มีความชัดเจนมากขึ้น อีกทั้งดำเนินงานก่อสร้างด้วยการคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม สังคม และ หลักธรรมาภิบาลที่ดีเป็นหลัก เพื่อสร้างมาตรฐานใหม่ในการเติบโตอย่างยั่งยืนไปพร้อมกัน” นายปิยะดิษฐ์ กล่าวเพิ่มเติม

 

สำหรับผลประกอบการไตรมาส 1/2567 บริษัทมีรายได้รวม 1030 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีรายได้รวม 1447 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 25 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 48 ล้านบาท และมีอัตรากำไรขั้นต้น 10.6% เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีอัตรากำไรขั้นต้นที่ 9.3% หรือเพิ่มขึ้น 1.3%