EXIM BANK ประกาศความสำเร็จในการออกพันธบัตรสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ อัตราดอกเบี้ยคงที่ 5.354%
EXIM BANK ประสบความสำเร็จในการเสนอขายพันธบัตรสกุลดอลลาร์สหรัฐ มูลค่า 400 ล้านดอลลาร์สหรัฐ อายุ 5 ปี อัตราดอกเบี้ยคงที่ 5.354% ต่อปี ได้รับการตอบรับจากนักลงทุนชั้นนำทั่วโลก ด้วยยอดจองซื้อสูงกว่า 3100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สะท้อนความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่มีต่อสถานะทางการเงินและการดำเนินภารกิจของ EXIM BANK ในการสนับสนุนและส่งเสริมการส่งออกและการลงทุนทั้งในและต่างประเทศของผู้ประกอบการไทย ขับเคลื่อนเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน
ดร.รักษ์ วรกิจโภคาทร กรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย
(EXIM BANK) เปิดเผยว่า EXIM BANK ประสบความสำเร็จเป็นอย่างสูงในการเสนอขายพันธบัตรสกุลดอลลาร์สหรัฐ ประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน อายุ 5 ปี อัตราดอกเบี้ยคงที่ 5.354% ต่อปี มูลค่า 400 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยได้รับความสนใจจากนักลงทุนชั้นนำทั่วโลกทั้งจากภูมิภาคยุโรปและเอเชียอย่างท่วมท้น ด้วยยอดจองซื้อสูงกว่า 3100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สะท้อนถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่มีต่อ EXIM BANK ในฐานะสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวงการคลัง ซึ่งเดินหน้าสู่บทบาท Green Development Bank ขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมของประเทศไทยและโลกโดยรวม
การระดมทุนด้วยการออกพันธบัตรสกุลดอลลาร์สหรัฐของ EXIM BANK ในครั้งนี้นับเป็นการออกและเสนอขายพันธบัตรสกุลดอลลาร์สหรัฐครั้งแรกในปีนี้ของผู้ออกตราสารหนี้จากประเทศไทย และมียอดจองซื้อสูงสุดสำหรับการออกพันธบัตรสกุลดอลลาร์สหรัฐในปี 2567 ของสถาบันการเงินจากภูมิภาคเอเชียใต้และอาเซียนจากกลุ่มนักลงทุนสถาบันคุณภาพชั้นนำจากทั่วโลกกว่า 130 ราย ได้แก่ ธนาคารกลาง กองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติ (Sovereign Wealth Fund) บริษัทบริหารเงินลงทุน ธนาคาร และบริษัทประกัน
พันธบัตรดังกล่าวจดทะเบียนที่ตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ และได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือจาก Moody’s และ Fitch ที่ระดับ Baa1 และ BBB ตามลำดับ โดยมีผู้จัดการการจัดจำหน่ายพันธบัตร ได้แก่
BNP Paribas Mizuho Securities Asia Limited Standard Chartered Bank (Singapore) Limited และ The Hongkong and Shanghai Banking Corporation Limited Singapore Branch
“เงินที่ได้จากการออกพันธบัตรในครั้งนี้ EXIM BANK จะนำไปใช้รองรับการขยายตัวของสินเชื่อเพื่อส่งเสริมและสนับสนุนการส่งออกและการลงทุนทั้งในและต่างประเทศของผู้ประกอบการไทยทุกขนาดธุรกิจและทุกอุตสาหกรรม เติมเต็ม Supply Chain การส่งออกไทย รวมถึงการสนับสนุนการปรับตัวทางธุรกิจของผู้ประกอบการไทยให้ก้าวทันการเปลี่ยนแปลงและรับมือความท้าทายของตลาดโลกได้ โดยเชื่อมโยงการพัฒนาธุรกิจกับการพัฒนาในมิติเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมไปด้วยกัน และแข่งขันได้อย่างยั่งยืนในตลาดการค้าโลก” ดร.รักษ์ กล่าว