SGP เตรียมออกหุ้นกู้ชุดใหม่ ชูดอกเบี้ยสูงสุด 4.80% ต่อปี

   เมื่อ : 02 ก.ค. 2567

บริษัท สยามแก๊ส แอนด์ ปิโตรเคมีคัลส์ จำกัด (มหาชน) หรือ “SGP” เตรียมเสนอขายหุ้นกู้ชุดใหม่ อายุ 3 ปี 6 เดือน 12 วัน ให้แก่ผู้ลงทุนทั่วไป คาดว่าเสนอขายระหว่างวันที่ 2 และ 5 - 6 สิงหาคม 2567 เพื่อนำเงินไปเป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินกิจการ มั่นใจได้รับผลการตอบรับดีจากนักลงทุนที่ต้องการลงทุนในหุ้นกู้ที่อยู่ในกลุ่ม “ระดับลงทุน” โดยหุ้นกู้ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือที่ระดับ “BBB ” และได้ปรับแนวโน้มอันดับเครดิตจาก “ลบ” มาเป็น “คงที่” จากทริสเรทติ้งเมื่อวันที่ 27 มิถุนายน 2567 สะท้อนศักยภาพในการเติบโตของธุรกิจที่มีความมั่นคง

 

นายศุภชัย วีรบวรพงศ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท สยามแก๊ส แอนด์ ปิโตรเคมีคัลส์ จำกัด (มหาชน) หรือ SGP เปิดเผยว่า บริษัทฯ อยู่ระหว่างการยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายตราสารหนี้และร่างหนังสือชี้ชวนเพื่อออกและเสนอขายหุ้นกู้ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (สำนักงาน ก.ล.ต.) โดยเป็นหุ้นกู้ชนิดระบุชื่อผู้ถือ ประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน และมีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ อายุ 3 ปี 6 เดือน 12 วัน อัตราดอกเบี้ย [4.75-4.80]% ต่อปี กำหนดจ่ายดอกเบี้ยทุก 3 เดือน โดยจะประกาศอัตราดอกเบี้ยสุดท้ายให้ทราบอีกครั้ง โดยคาดว่าเสนอขายระหว่างวันที่ 2 และ 5 - 6 สิงหาคม 2567  ผ่านสถาบันการเงินชั้นนำ 6 แห่ง  ประกอบด้วย  ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย จำกัด (มหาชน) บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด บริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) และบริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) 

 

โดยการออกหุ้นกู้ในครั้งนี้เพื่อนำเงินไปเป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินกิจการภายในปี 2567

สำหรับหุ้นกู้ที่จะจัดจำหน่ายในครั้งนี้ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือระดับ Investment Grade ที่ “BBB ” เช่นเดียวกับอันดับความน่าเชื่อถือของบริษัทฯ โดยบริษัทได้รับการปรับแนวโน้มอันดับเครดิตจาก “ลบ” ขึ้นมาเป็น “คงที่” จากทริสเรทติ้ง เมื่อวันที่ 27 มิถุนายน 2567 โดยทริสเรทติ้ง ระบุว่า อันดับความน่าเชื่อถือดังกล่าวสะท้อนถึงผลการดำเนินงานของบริษัทที่ปรับตัวดีขึ้นรวมถึงการปรับปรุงงบลงทุนสำหรับการก่อสร้างคลังเก็บก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) ซึ่งกระจายการลงทุนออกเป็น 2 ระยะและจะช่วยลดความต้องการเงินทุนในระยะสั้นลง นอกจากนี้ ยังสะท้อนถึงตำแหน่งทางการตลาดของบริษัทในฐานะผู้ค้าก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) รายใหญ่อันดับสองในประเทศไทยและชื่อเสียงทางธุรกิจของบริษัทในตลาดก๊าซ LPG หลากหลายประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

 

นอกจากนี้ บริษัทยังมีธุรกิจอื่นๆ ที่นอกเหนือจากก๊าซแอลพีจี ประกอบไปด้วยธุรกิจโรงไฟฟ้า ซึ่งปัจจุบันมีโรงไฟฟ้าจำนวน 2 แห่ง ในประเทศเมียนมา มีกำลังการผลิต 230 เมกะวัตต์ และ 10 เมกะวัตต์ ตามลำดับ และธุรกิจให้บริการคลังน้ำมันและท่าเทียบเรือน้ำลึก อ.เกาะสีชัง จ.ชลบุรี ซึ่งจะช่วยผลักดันให้ธุรกิจเติบโตอย่างแข็งแกร่งและมั่นคง

ในส่วนของผลการดำเนินงานสำหรับไตรมาส 1 ปี 2567 สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2567 บริษัทฯและบริษัทย่อยมีรายได้จากการขาย ขนส่ง และให้บริการเป็นจำนวน 23260.69 ล้านบาท และมีผลกำไรขั้นต้นไตรมาส 1 ปี 2567 เป็นจำนวน 1235.61 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 5.31 ของรายได้รวม เมื่อเปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปี 2566 กลุ่มกิจการมีผลกำไรขั้นต้นจำนวน 805.36 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 3.27 ของรายได้รวม โดยกำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นจำนวน 430.25 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 53.42 ซึ่งเป็นผลมาจากต้นทุนสินค้ามีราคาต่ำกว่าช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน ส่งผลให้บริษัทมีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นเป็นจำนวน 349.29 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 120.02 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

 

ทั้งนี้ บริษัทฯ อยู่ระหว่างการยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายตราสารหนี้และร่างหนังสือชี้ชวนกับสำนักงาน ก.ล.ต. ซึ่งยังไม่มีผลบังคับใช้ สำหรับผู้ลงทุนที่สนใจจองซื้อหุ้นกู้ สามารถจองซื้อขั้นต่ำ 100000 บาท และทวีคูณครั้งละ 100000 บาท