TSE ปลื้ม! ทริสฯปรับเพิ่มเครดิตเรทติ้งองค์กรเป็น “BBB” จาก “BBB-”

   เมื่อ : 05 ส.ค. 2567

บมจ.ไทย โซล่าร์ เอ็นเนอร์ยี่ (TSE) ปลื้ม! ทริสเรทติ้งประกาศปรับเพิ่มอันดับเครดิตองค์กร (Company Rating) มาอยู่ที่ระดับ “BBB” จาก “BBB-” แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนสัดส่วนภาระหนี้สินลดลงอย่างมาก อีกทั้งบริษัทมีกระแสเงินสดค่อนข้างแน่นอนจากสัญญาซื้อขายไฟฟ้าระยะยาวทั้งในส่วนของโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์และพลังงานชีวมวล ฟากซีอีโอ “ดร.แคทลีน มาลีนนท์”ระบุได้ควักจ่ายคืนหุ้นกู้ก่อนครบกำหนดไปแล้ว จำนวน 1175 ล้านบาท ก่อนครบดีลในเดือนต.ค.67 เพื่อช่วยลดภาระดอกเบี้ย ตอกย้ำสถานะทางการเงินมีความแข็งแกร่ง พร้อมเดินหน้าต่อยอดธุรกิจและรุกขยายการลงทุนในโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนทั้งในและต่างประเทศเพิ่มเติม

 

ดร.แคทลีน มาลีนนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทย โซล่าร์ เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) (TSE) เปิดเผยว่า บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด (TRIS) ได้ปรับเพิ่มอันดับเครดิตองค์กรของ TSE มาอยู่ที่ระดับ “BBB” จาก “BBB-” ด้วยแนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” การปรับเพิ่มอันดับเครดิตได้สะท้อนถึงสัดส่วนภาระหนี้สินที่ลดลงของบริษัทฯ และการลดลงของความเสี่ยงจากการลงทุนที่กระจุกตัวหลังจากจำหน่ายเงินลงทุนโครงการโอนิโกเบที่ประเทศญี่ปุ่น ในช่วงปลายปี 2566

 

โดยอันดับเครดิตยังคงสะท้อนถึงกระแสเงินสดที่มั่นคงของบริษัทฯจากการลงทุนในโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน และผลการดำเนินงานที่สม่ำเสมอของโรงไฟฟ้าที่กำลังดำเนินงานอยู่ของบริษัทฯ ซึ่งหนี้สินทางการเงินของบริษัทฯลดลงเหลือ 6.2 พันล้านบาท ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2567 จาก 1.44 หมื่นล้านบาท ณ สิ้นปี 2565 ในขณะเดียวกันอัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อ EBITDA ลดลงเหลือประมาณ 4 เท่า ซึ่งลดลงอย่างมากเมื่อเทียบกับช่วงการพัฒนาโครงการซึ่งอยู่ที่ 8-9 เท่า

 

“ทริสเรทติ้งมองว่าหนี้สินทางการเงินของบริษัทฯอาจจะลดลงไปได้อีก เนื่องจากบริษัทฯ ตั้งใจจะนำเงินที่ได้รับจากการจำหน่ายโครงการจำนวน 3.4 พันล้านบาท มาชำระคืนหนี้ล่วงหน้าเป็นหลัก ทริสเรทติ้งมองว่าการจำหน่ายโครงการไม่เพียงแต่ลดหนี้สินลงอย่างมีนัยสำคัญ แต่ยังขจัดความเสี่ยงจากการลงทุนที่กระจุกตัวในระดับสูง และผลกระทบในเรื่องประสิทธิภาพของโรงไฟฟ้าที่ต่ำ และการอ่อนค่าของค่าเงินเยน จึงมีความเป็นไปได้ว่าโครงการนี้อาจจะสร้างข้อจำกัดต่อผลประกอบการของบริษัทฯอย่างต่อเนื่อง หากบริษัทฯเลือกที่จะยังดำเนินการต่อไป”

 

ก่อนหน้านี้ บริษัทฯ ได้แจ้งใช้สิทธิไถ่ถอนหุ้นกู้ ครั้งที่ 1/2565 (TSE24OA) บางส่วน มูลค่า 1175 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 50% ของเงินต้นหุ้นกู้คงค้างทั้งหมดพร้อมดอกเบี้ย ในวันที่ 29 เมษายน 2567 ที่ผ่านมา ก่อนที่จะครบกำหนดไถ่ถอนทั้งหมดในเดือน ตุลาคม 2567 ในอัตราดอกเบี้ย 5.10% ต่อปี  

 

“การคืนหนี้หุ้นกู้ก่อนครบกำหนดล่วงหน้าบางส่วนถือเป็นการสะท้อนให้เห็นถึงสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่งและกระแสเงินสดรับจากโครงการโรงไฟฟ้าต่างๆของบริษัทฯ ที่มีความแน่นอนระยะยาว ซึ่งมีสภาพคล่องเพียงพอต่อการชำระหนี้และลงทุนในอนาคต อีกทั้งยังเป็นการช่วยลดภาระดอกเบี้ยจ่ายให้กับบริษัทฯ ส่งผลให้สัดส่วนหนี้สินต่อทุนของบริษัทฯ ลดลง

 

ทั้งนี้บริษัทฯ พร้อมเดินหน้าเข้าร่วมประมูลงานโครงการจัดหาไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนรอบ 2 และ รอบ 3 โดยตั้งเป้าว่าจะได้ราว 100-150 เมกะวัตต์ ควบคู่ไปกับการเข้าร่วมประมูลโครงการการซื้อขายไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนในรูปแบบการทำสัญญาซื้อขายพลังงานไฟฟ้าได้โดยตรง (Direct Power Purchase Agreement : Direct PPA) ตามที่คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ได้สรุปแผนจัดโครงการนำร่อง Direct PPA ขนาดไม่เกิน 2000 MW รวมถึงการพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าขยะชุมชน (Waste to Energy) ซึ่งบริษัทฯอยู่ระหว่างการเตรียมความพร้อมและหาโอกาสที่จะเข้าลงทุนทั้งในรูปแบบของการลงทุนโดยตรงหรือในรูปแบบกิจการร่วมค้า (Joint Venture) เพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับบริษัทฯ” ดร.แคทลีน กล่าวในที่สุด

 

ปัจจุบัน TSE มีโครงการโรงไฟฟ้าทั้งหมด 41 โครงการ แบ่งเป็นโครงการที่เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ (COD) แล้ว 34 โครงการ และโครงการที่ยังไม่เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ (COD) อีกจำนวน 7 โครงการ รวมกำลังการผลิตเสนอขายทั้งสิ้น 241.86 เมกะวัตต์