สมาคมประกันวินาศภัยไทย จัดทำคู่มือแนวทางปฏิบัติด้าน ESG ที่เป็นรูปธรรมให้กับบริษัทประกันวินาศภัย

   เมื่อ : 19 ส.ค. 2567

ดร.สมพร สืบถวิลกุล นายกสมาคมประกันวินาศภัยไทย กล่าวว่า การดำเนินธุรกิจเพื่อความยั่งยืน (Business Sustainability) ถือเป็นประเด็นที่ทุกภาคส่วนให้ความสำคัญมากขึ้นเป็นลำดับ ไม่ว่าจะเป็นเวทีระดับนานาชาติ หรือ ภาคส่วนของธุรกิจประกันภัยไทย โดยจะเห็นได้จากแผนพัฒนาการประกันภัยฉบับที่ 4 ที่ได้มีการบรรจุประเด็นเรื่อง ESG ไว้ด้วย ซึ่งครอบคลุมการดำเนินการในช่วงปี 2564 - 2568 ที่มุ่งส่งเสริมให้ธุรกิจประกันภัยมีความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล ในขณะเดียวกันสมาคมประกันวินาศภัยไทยก็ได้ให้ความสำคัญและตระหนักถึงความต่อเนื่องในเรื่องนี้ จึงกำหนดวิสัยทัศน์ ยุทธศาสตร์ และแผนการดำเนินงานที่สอดคล้องกันให้ “สมาคมประกันวินาศภัยไทยเป็นองค์กรที่ส่งเสริมและสนับสนุนให้ธุรกิจประกันวินาศภัยเป็นเสาหลักของระบบเศรษฐกิจและสังคมของประเทศอย่างยั่งยืน” รวมถึงการกำหนดพันธกิจของสมาคมฯ ในการส่งเสริมให้ธุรกิจประกันวินาศภัยมีภาพลักษณ์ที่ดี เป็นที่ยอมรับในระดับสากล มีความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม ตลอดจนธรรมมาภิบาลที่ดี

 

ธุรกิจประกันวินาศภัย ถือเป็นธุรกิจที่ต้องเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและคาดการณ์ได้ยากของระบบนิเวศประกันภัย เทคโนโลยีที่พัฒนาอย่างก้าวกระโดด พฤติกรรมและความคาดหวังของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว การเปลี่ยนแปลงของสภาวะภูมิอากาศซึ่งก่อให้เกิดภัยธรรมชาติที่ทวีความรุนแรงมากขึ้น รวมถึงการเกิดขึ้นของความเสี่ยงอุบัติใหม่ที่ยากต่อการบริหารจัดการ ก่อให้เกิดความท้าทายในการดำเนินธุรกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืนมากขึ้นเป็นลำดับ

 

ด้วยเหตุนี้ สมาคมประกันวินาศภัยไทย โดยคณะพัฒนาธุรกิจและวิชาการประกันภัย และชมรมบริหารและจัดการความเสี่ยงของบริษัทประกันภัย จึงได้มีการศึกษาและผลักดันให้ธุรกิจประกันภัย มุ่งเน้นพัฒนาแนวทางในการดําเนินการด้าน ESG โดยการให้บริษัทประกันวินาศภัยจัดทำคู่มือแนวปฏิบัติในเรื่องดังกล่าว เพื่อให้มีการบริหารจัดการความเสี่ยงแบบองค์รวม มีการกำกับดูแลกิจการที่ดี คำนึงถึงผู้มีส่วนได้เสียอย่างรอบด้านในระยะยาว และเพื่อตอกย้ำการดำเนินงานที่ตระหนักถึงความสำคัญด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล พร้อมทั้งได้มีการจัดสัมมนาเรื่อง “Driving Sustainable Business Growth through ESG Practices” ขึ้นเมื่อวันศุกร์ที่ 16 สิงหาคม 2567 ในรูปแบบไฮบริดทั้ง Online และ Onsite ซึ่งมีผู้เข้าร่วมสัมมนาจำนวนกว่า 400 ท่าน เพื่อส่งเสริมแนวทางการปฏิบัติด้าน ESG ที่เป็นรูปธรรม โดยการผนวกเข้ากับกลยุทธ์ทางธุรกิจและวัฒนธรรมองค์กร เพื่อยกระดับมาตรฐานด้าน ESG ให้เป็นที่ยอมรับในระดับประเทศและระดับสากล โดยได้รับเกียรติจากวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิเปี่ยมด้วยความรู้และประสบการณ์ในด้าน ESG จากหลากหลายธุรกิจ มาร่วมแบ่งปันความรู้และประสบการณ์ในการบริหารจัดการ การกำหนดนโยบาย รวมถึงการผนวกเรื่องความยั่งยืนและ ESG เข้ามาพัฒนาองค์กร อันจะนำไปสู่การเติบโตของธุรกิจประกันภัยอย่างยั่งยืน ประกอบด้วย ดร.เสรี นนทสูติ รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส มูลนิธิสถาบันวิจัยและพัฒนาองค์กรภาครัฐและกรรมการสหประชาชาติว่าด้วยสิทธิทางเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรมผู้ทรงคุณวุฒิด้านกฎหมาย สำนักงาน คปภ. ที่ให้เกียรติมาเป็น Keynote Speech บรรยายเรื่อง “Driving Growth and Innovation through Sustainable Business Practices” พร้อมด้วยวิทยากรจากสำนักงาน คปภ. ภาคธุรกิจประกันภัย และภาคธุรกิจอื่น ๆ ร่วมในการเสวนาหัวข้อ “Embedding ESG into Business Strategy and Corporate Culture” ประกอบด้วย

 

ดร.อายุศรี คำบรรลือ ผู้ช่วยเลขาธิการ สายพัฒนามาตรฐานการกำกับ สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย ดร.อภิสิทธิ์ อนันตนาถรัตน ประธานคณะผู้บริหารและกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) นางสาวทอปัด สุบรรณรักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาธุรกิจ บริษัท เอเชีย เอวิเอชั่น จำกัด (มหาชน) โดยมี ดร.ปิยวดี โขวิฑูรกิจ ที่ปรึกษาคณะกรรมการบริหาร สมาคมประกันวินาศภัยไทย เป็นผู้ดำเนินรายการเสวนา

 

“การสัมมนาในครั้งนี้ เป็นการตอกย้ำว่า สมาคมฯ ยังคงมุ่งมั่นพัฒนาการดำเนินธุรกิจประกันวินาศภัย โดยคำนึงถึง 3 ปัจจัยหลักด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (Environment Social Governance: ESG) ซึ่งถือเป็นความท้าทายที่องค์กรจะต้องบูรณาการการบริหารจัดการความเสี่ยงด้านความยั่งยืน เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับภาคธุรกิจประกันวินาศภัยของประเทศ เพราะธุรกิจที่คำนึงถึงความยั่งยืนจะสามารถเติบโตได้อย่างมีศักยภาพในระยะยาวอย่างแน่นอน” ซึ่งการจัดสัมมนาในครั้งนี้ จะสามารถจุดประกายความคิดและมุมมองที่เป็นประโยชน์ต่อผู้บริหารของภาคธุรกิจประกันภัยในการบริหารจัดการความเสี่ยงด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล ตลอดจนพัฒนาธุรกิจประกันวินาศภัยให้เติบโตอย่างยั่งยืนต่อไป นายกสมาคมฯ กล่าวทิ้งท้าย