PCC โชว์รายได้ 6 เดือนปีนี้ พุ่ง 23.06% ย้ำเป้ารายได้ปีนี้โต 10%
บมจ.พรีไซซ คอร์ปอเรชั่น (PCC) เปิดผลการดำเนินงานงวด 6 เดือนปี 2567 มีรายได้อยู่ที่ 2757.46 ลบ.เพิ่มขึ้น 23.06% จากช่วงปีก่อน และกวาดกำไรสุทธิ 181.82 ลบ. โต 8.36% จากช่วงปีก่อน เนื่องจากรายได้จากการขายกลุ่มสินค้าหม้อแปลงไฟฟ้ากำลังเพิ่ม ประกอบกับมีรายได้งานก่อสร้างสถานีไฟฟ้าแรงสูง จากงานโครงการสถานีไฟฟ้าแรงสูง และงานระบบควบคุมสำหรับระบบโครงข่ายไฟฟ้าอัจฉริยะสนับสนุน แถมสามารถควบคุมต้นทุน และ ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานอย่างมีประสิทธิภาพ ด้านซีอีโอ “กิตติ สัมฤทธิ์” ย้ำเป้ารายได้ปีนี้โต 10% จากปีก่อน พร้อมเดินหน้าประมูลงานใหม่ต่อเนื่อง สร้างการเติบโตของบริษัทฯอย่างยั่งยืน
นายกิตติ สัมฤทธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท พรีไซซ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (PCC) ผู้นําในธุรกิจเทคโนโลยีแพลตฟอร์มครอบคลุมอุตสาหกรรมสมาร์ทกริดของประเทศไทย เปิดเผยว่า ผลประกอบการงวด 6 เดือนปี 2567 บริษัทฯมีรายได้รวมอยู่ที่ 2757.46 ล้านบาท คิดเป็นเพิ่มขึ้นร้อยละ 23.06 จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้ 2240.65 ล้านบาท โดยสัดส่วนโครงสร้างรายได้ แบ่งเป็น รายได้จากการขาย ร้อยละ 49.9 รายได้จากการให้บริการและโครงการก่อสร้าง ร้อยละ 49.6 และรายได้อื่นๆ ร้อยละ 0.4
ทั้งนี้ รายได้จากการขายในปี 2567 เพิ่มขึ้นจากปี 2566 จำนวน 139.49 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 11.3 เนื่องจากการขายสินค้าให้กลุ่มลูกค้าภาครัฐและเอกชนที่เป็นผู้รับเหมาหลักของงานสถานีไฟฟ้าเพิ่มขึ้น ปัจจัยหลักมาจากกลุ่มผลิตภัณฑ์ ดังนี้ 1. รายได้ขายกลุ่มสินค้าหม้อแปลงไฟฟ้ากำลัง ได้แก่ หม้อแปลงไฟฟ้าระบบจำหน่าย 2.รายได้ขายกลุ่มสินค้าสวิตช์ตัดตอนชนิดต่างๆ ได้แก่ โหลดเบรคสวิตซ์ 3. รายได้ขายระบบควบคุมและป้องกันสำหรับสถานีไฟฟ้า 4. รายได้ขายอุปกรณ์ไฟฟ้า ได้แก่ มิเตอร์ และ อุปกรณ์รีเลย์ป้องกัน
ขณะที่รายได้จากการให้บริการและโครงการก่อสร้างในปี 2567 เพิ่มขึ้นจากปี 2566 จำนวน 378.21 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 38.2 ปัจจัยหลักคือ การเพิ่มขึ้นของรายได้สำหรับงานบริการก่อสร้าง ดังนี้ 1. งานก่อสร้างสถานีไฟฟ้าแรงสูง จากงานโครงการสถานีไฟฟ้าแรงสูง 500/230 kV แม่เมาะและลำพูน 2. งานระบบควบคุมสำหรับระบบโครงข่ายไฟฟ้าอัจฉริยะ 3. งานบริการจัดหาและติดตั้งอุปกรณ์ระบบควบคุมอุปกรณ์ในระบบจำหน่าย จากงานโครงการติดตั้ง ขยายของงาน FDI (Feeder Device Interface) 4 ภาค ซึ่งเป็นสัญญาต่อเนื่องของงานโครงการ SCADA ที่จบโครงการไปแล้ว และ 4. งานบริการจัดหาและติดตั้งอุปกรณ์ไฟฟ้าแรงสูง จากการงานติดตั้งอุปกรณ์ โหลดเบรคสวิตซ์
สำหรับงวด 6 เดือนปี 2567 กลุ่มบริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 181.82 ล้านบาท คิดเป็นเพิ่มขึ้นร้อยละ 8.36จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 167.79 ล้านบาท โดยสาเหตุหลักที่กำไรสุทธิของกลุุ่มบริษัทฯ มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นเนื่องมาจากการควบคุมต้นทุน และ ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานอย่างมีประสิทธิภาพ
นายกิตติ กล่าวอีกว่า บริษัทฯ ตั้งเป้ารายได้ในปี 2567 เติบโต 10% จากปีก่อนที่มีรายได้ 4.63 พันล้านบาท เนื่องจากมองเห็นศักยภาพในการเติบโตจากอุตสาหกรรมไฟฟ้าระบบ Smart Grid หรือระบบโครงข่ายไฟฟ้าอัจฉริยะ ที่นำเทคโนโลยีหลากหลายประเภทเข้ามาทำงานร่วมกัน ทำให้ระบบไฟฟ้ามีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ซึ่งเป็นเรื่องที่ทางกระทรวงพลังงานผลักดันผ่านแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย โดยบริษัทฯยังคงเดินหน้าเข้าประมูลงานใหม่อย่างเนื่อง เพื่อสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน