ผู้ถือหุ้น NDR อนุมัติเพิ่มทุนขาย PP จำนวน 110 ล้านหุ้น ให้ EG บ.ยักษ์ใหญ่ในมาเลเซีย
ที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นบมจ. เอ็น.ดี. รับเบอร์ หรือ NDR อนุมัติเพิ่มทุนขาย PP จำนวน 110 ล้านหุ้น ให้กับ EG บ.ยักษ์ใหญ่ในมาเลเซีย ด้านเอ็มดี “ชัยสิทธิ์ สัมฤทธิวณิชชา” เผยนำเงินเพิ่มทุน ใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน รองรับการขยายธุรกิจในอนาคต ลุยจัดตั้งบริษัทย่อย ดำเนินธุรกิจอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ พร้อมวางเป้าปีนี้เทิร์นอะราวด์ รายได้แตะ 900-950 ล้านบาท
นายชัยสิทธิ์ สัมฤทธิวณิชชา กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็น.ดี. รับเบอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ NDR ผู้ผลิตและจำหน่ายยางนอกและยางในรถจักรยานยนต์ภายใต้แบรนด์ N.D.Rubber เปิดเผยว่า ที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2567 มีมติอนุมัติการเพิ่มทุนจดทะเบียนของบริษัทแบบกำหนดวัตถุประสงค์ในการใช้เงินทุน จำนวน 110000000 ล้านหุ้น จากทุนจดทะเบียนเดิม 346891630 บาท เป็นทุนจดทะเบียนใหม่ 456891630 บาท เพื่อรองรับการออกและเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัทให้กับบุคคลในวงจำกัด (Private Placement) คือ บริษัท EG Industries Berhad หรือ “EG”
ทั้งนี้ บริษัท EG Industries Berhad หรือ EG เป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ของประเทศมาเลเซีย ประกอบธุรกิจโดยมีรายได้มาจากการเข้าลงทุนธุรกิจและบริการเกี่ยวกับอุตสาหกรรม อิเล็กทรอนิกส์
บริษัทจะนำเงินที่ได้จากการเพิ่มทุนในครั้งนี้ไปใช้ เพื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียนของบริษัท เพื่อรองรับการดำเนินงานของบริษัทในปัจจุบัน และเพื่อรองรับการขยายธุรกิจในอนาคต โดยบริษัทมีแผนการจัดตั้งบริษัทย่อยที่ประกอบธุรกิจเกี่ยวกับอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์
กรรมการผู้จัดการ NDR กล่าวอีกว่า แผนธุรกิจในปีนี้ บริษัทฯคาดผลการดำเนินงานน่าจะสามารถพลิกฟื้นกลับมาเทิร์นอะราวด์ได้ โดยวางเป้ารายได้อยู่ที่ 900-950 ล้านบาท เนื่องจากการขยายพอร์ตสินค้า High Margin มากขึ้น ซึ่งกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจบริษัทยังคงให้ความสำคัญเรื่องการควบคุมต้นทุน รวมถึงการปรับโครงสร้างการขายสินค้าที่มีมาร์จิ้นสูงให้มีสัดส่วนมากขึ้น
ขณะที่ผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/2567 มีรายได้รวมอยู่ที่ 215.31 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.06% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 204.95 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 4.78 ล้านบาท คิดเป็นเพิ่มขึ้น 111.93% ช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ขาดทุน 40.08 ล้านบาท สาเหตุการเติบโตมาจากยอดขายในประเทศที่เพิ่มชึ้น โดยมีรายได้จากราคาขายเฉลี่ยเพิ่มขึ้น เนื่องจากสัดส่วนรายได้จากยางขนาดใหม่ๆที่มีกำไรต่อเส้นมากขึ้น