“MPJ” เดินหน้าเข้า mai คาดเสนอขาย IPO ประมาณ Q4

   เมื่อ : 28 ส.ค. 2567

"MPJ(เอ็ม พี เจ โลจิสติกส์)" ผู้นำโลจิสติกส์แบบครบวงจร และ เป็นผู้นำด้านลานตู้คอนเทนเนอร์ เตรียมเดินหน้าระดมทุนเสนอขาย 53 ล้านหุ้น เข้าตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) ประมาณไตรมาส 4 ปีนี้

 

นายจีระศักดิ์ มานะตระกูล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอ็ม พี เจ โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ MPJ เปิดเผยว่า MPJ เป็นผู้นำธุรกิจโลจิสติกส์แบบครบวงจร ที่มีประสบการณ์กว่า 16 ปี ให้บริการขนส่งทั้งในประเทศ และต่างประเทศ ครอบคลุมการให้บริการขนส่งทั้งทางบก ทางทะเล และ ทางอากาศ โดยมีจุดแข็งหลายประการ 

 

1. เป็นบริษัทโลจิสติกส์ที่ให้บริการครบวงจรในตลาดหลักทรัพย์ มีธุรกิจลานตู้คอนเทนเนอร์ และ มีฟลีทรถบรรทุกขนาดใหญ่กว่า 237 คัน  

 

2. บริการโลจิสติกส์แบบครบวงจรด้วยตนเอง จึงควบคุมคุณภาพ และ บริหารต้นทุนได้  

 

3. มีลูกค้าหลักเป็นสายเรือชั้นนำต่างๆ และ มีการร่วมทุนกับลูกค้าหลัก คือ กลุ่มของ OOCL ซึ่งได้แก่ สายเรือ OOCL และ COSCO โดยเป็นสายเรือขนาดใหญ่ 

 

4. ทำเลยุทธศาสตร์ ใกล้ท่าเรือแหลมฉบัง และอยู่ในเขต EEC 

 

5. ทีมผู้บริหารที่มีประสบการณ์ในธุรกิจกว่า 20 ปี

โดย MPJ และ 2 บริษัทย่อย คือ บริษัท เอ็ม พี เจ ดีสทริบิวชั่น เซ็นเตอร์ (MPJDC) และ บริษัท เอ็ม พี เจ แวร์เฮ้าส์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (MPJWD) ซึ่งให้บริการโลจิสติกส์ 4 ประเภท คือ 1. บริการขนส่งทางบก ต่อเนื่องกับทางเรือ ด้วยรถบรรทุกหัวลาก 237 คัน และ หางพ่วง 268 คัน โดยเป็นฟลีทขนาดใหญ่ในบริเวณท่าเรือแหลมฉบัง 2. บริหารลานตู้คอนเทนเนอร์ และ ให้บริการซ่อมแซมตู้คอนเทนเนอร์ของผู้ให้บริการสายเรือ โดยมีลานตู้คอนเทนเนอร์ 2 แห่งตั้งอยู่ใกล้กับท่าเรือแหลมฉบัง 3. บริการจัดการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ (Freight Forwarder) จัดหาระวางเรือ และเครื่องบิน 4. บริการให้เช่าคลังสินค้า ขนาด 4900 ตารางเมตร ในย่านแหลมฉบัง จังหวัดชลบุรี และ ขนาด 12463 ตารางเมตร ในพื้นที่จังหวัดระยอง พร้อมส่งมอบในไตรมาส 2 ปี 2567

 

โดยในปี 2562 บริษัทได้เข้าร่วมทุนกับ OOCL Logistics (Hong Kong) Limited ผู้ให้บริการสายเรือระดับโลก OOCL และ COSCO ผ่านบริษัทย่อย MPJDC ในการจัดตั้งบริษัท โอเอ็ม ดีโพ จำกัด (OM) ซึ่ง MPJDC ถือหุ้นในสัดส่วน 49% เพื่อการบริหารการจัดเก็บตู้คอนเทนเนอร์ของกลุ่ม OOCL และ COSCO เป็นหลัก มีลานตู้คอนเทนเนอร์ทั้งหมด 2 แห่ง ตั้งอยู่ใกล้กับท่าเรือแหลมฉบัง กล่าวได้ว่า บริษัทฯ เป็นผู้นำด้านลานตู้อันดับต้นๆ ของประเทศไทย

 

“ธุรกิจของบริษัทมุ่งเน้นการให้บริการแก่สายเรือระดับโลกเป็นลูกค้าหลัก โดยให้บริการลานตู้คอนเทนเนอร์ และ ขนส่งตู้คอนเทนเนอร์ ซึ่งเป็นธุรกิจที่มีความสำคัญเชิงกลยุทธ์ เริ่มต้นจากขนส่งตู้คอนเทนเนอร์จากท่าเรือแหลมฉบัง นำมาเก็บที่ลานตู้คอนเทนเนอร์ และ ขนส่งตู้คอนเทนเนอร์ระหว่างแหลมฉบัง และ กรุงเทพฯ หรือ ลาดกระบัง และ มีธุรกิจคลังสินค้าไว้บริการแก่ลูกค้าสายเรือ และ ลูกค้าบริษัทขนาดใหญ่ นอกจากนี้ ยังมีบริการจัดการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ หรือ Freight Forwarder เพื่อให้บริการลูกค้าได้อย่างครบวงจร”นายจีระศักดิ์ กล่าว

 

อย่างไรก็ตาม MPJ มีแผนจะเข้าระดมทุนเพื่อเสนอขายหุ้นต่อประชาชนทั่วไป (IPO) จำนวน 53 ล้านหุ้น ในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) ประมาณไตรมาสที่ 4 ของปีนี้ เพื่อรองรับการขยายกิจการอย่างต่อเนื่อง โดยบริษัทมีแผนจะนำเงินที่ได้ไปดำเนินการซื้อรถหัวลากหางพ่วงทดแทน ปรับปรุงลานตู้ และ ลงทุนอุปกรณ์ในลานตู้รองรับการเติบโตของอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ และ ธุรกิจลานตู้ เป็นเงินทุนหมุนเวียนรองรับการลงทุนต่างๆ ในอนาคต พัฒนาระบบการบริหารจัดการทรัพยากรองค์กร (ERP) และชำระเงินกู้ยืมสถาบันการเงิน 

ทั้งนี้ บริษัทมีนโยบายที่จะจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตราไม่ต่ำกว่า 40% ของกำไรสุทธิจากงบการเงินเฉพาะกิจการ ภายหลังหักภาษีเงินได้นิติบุคคล และ ภายหลังการจัดสรรทุนสำรองตามกฎหมาย และ ข้อบังคับของบริษัท

 

สำหรับผลการดำเนินงานงวด 3 เดือนแรกปี 2566 และ 2567 กลุ่มบริษัทมีรายได้จากการให้บริการเท่ากับ 211.51 ล้านบาท และ 222.59 ล้านบาท ตามลำดับ ซึ่งเพิ่มขึ้นจำนวน 11.08 ล้านบาท หรือ คิดเป็น 5.24% จากงวด 3 เดือนแรกปี 2566 โดยรายได้หลักมีสัดส่วนจากธุรกิจขนส่ง 51.74% จากธุรกิจลานตู้คอนเทนเนอร์ 34.35% จากธุรกิจ Freight Forwarder 13.05% และ ธุรกิจคลังสินค้า 0.86%  

 

ส่วนในงบปี 2566 MPJ มีรายได้จากการให้บริการรวม 910.24 ล้านบาท และ มีกำไรสุทธิ 80.45 ล้านบาท จากกำไรสุทธิ 101.34 ล้านบาทในปี 2565 และ กำไรสุทธิ 76.74 ล้านบาทในปี 2564 ส่วนในปี 2565 และ 2564 บริษัทมีรายได้จากการให้บริการรวม 1300.27 ล้านบาท และ 1014.74 ล้านบาทตามลำดับ 

 

โดยในปี 2565 รายได้รวมสูงกว่าปกติ เนื่องจากกลุ่มบริษัทได้รับงานโครงการขนาดใหญ่ในการจัดการการขนส่งสินค้าด้วยเรือเทกองในปี 2565 และ อัตราค่าระวางเรือในการส่งออกด้วยตู้คอนเทนเนอร์มีการปรับตัวสูงขึ้นจากปริมาณระวางเรือที่จำกัด และ การขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์ ซึ่งได้อ่อนตัวลงสู่อัตราปกติในปี 2566 รวมถึงงานโครงการใหญ่ในปี 2565 ได้เสร็จสิ้นไปจึงทำให้รายได้ในปี 2566 น้อยกว่าปี 2565 โดยคาดว่า ปีนี้จะสามารถทำรายได้มากกว่า 300 ล้านบาท

 

นายเอกจักร บัวหภัคดี กรรมการผู้จัดการ บริษัท แคปปิตอล วัน พาร์ทเนอร์ จำกัด ที่ปรึกษาการเงิน เปิดเผยว่า MPJ เป็น บริษัทผู้ให้บริการโลจิสติกส์ที่ครบวงจรอย่างแท้จริง และ มีจุดเด่นหลายด้าน โดยเฉพาะด้านการให้บริการลานตู้คอนเทนเนอร์ และ ขนส่งด้วยฟลีทรถบรรทุกหัวลากมากถึง 237 คัน จึงสามารถให้การบริการ และ ควบคุมต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ 

 

นอกจากนี้ การร่วมทุนกับสายเรือระดับโลก OOCL และ COSCO ซึ่งทำธุรกิจร่วมกันมายาวนาน ทำให้บริษัทมีปริมาณธุรกิจที่มั่นคง และต่อเนื่อง พร้อมจะเติบโตกับการขยายตัวของการส่งออกนำเข้า และ การลงทุนของภาคอุตสาหกรรมในเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) โดยบริษัทมีแผนการลงทุนในหลายด้าน เช่น ลงทุนซื้อรถบรรทุกหัวลาก และอุปกรณ์สำหรับธุรกิจลานตู้คอนเทนเนอร์ที่จะช่วยต่อยอดธุรกิจ 

 

ในขณะที่แผนการคืนหนี้สถาบันการเงินจะทำให้บริษัทมีค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยลดลง เพิ่มความสามารถในการทำกำไร และ มีสถานะการเงินที่เข้มแข็งยิ่งขึ้น โดย D/E อยู่ที่ 2.3 เท่า ซึ่งภายหลัง IPO จะทำให้ D/E ลดลง เนื่องจากจะนำเงินที่ได้จากการระดมทุนไปชำระคืนกับสถาบันการเงินต่อไป