AGE รุกธุรกิจกรีน ปิดดีลเพิ่มมูลค่า “ABM” จ่อทำเทนเดอร์ปลาย Q4
บอร์ดไฟเขียว บริษัท เอเชีย กรีน เอนเนอจี จำกัด มหาชน (AGE) เข้าทำรายการซื้อหุ้นเพิ่มทุนในบริษัท เอเชีย ไบโอแมส จำกัด มหาชน (ABM) เตรียมเสนอผู้ถือหุ้นอนุมัติ 22 ต.ค.นี้ พร้อมจ่อตั้งโต๊ะ การทำคำเสนอซื้อหุ้นต่อผู้ถือหุ้นทั่วไป (Tender Offer) ที่ 1.30 บาท/หุ้น คาดว่ากระบวนการทำคำเสนอซื้อแล้วเสร็จได้ในช่วงเวลาปลาย Q4/67 เพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นจากปัจจุบัน 7.42% เป็น 51% ของจำนวนหุ้นทั้งหมดภายหลังการเพิ่มทุน ประกาศรุกธุรกิจพลังงานยั่งยืน ตั้งเป้าสัดส่วน EBITDA มาจากธุรกิจยั่งยืน 75% ธุรกิจถ่านหิน 25% ภายในปี 2573
นางสาวปณิตา ควรสถาพร รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เอเชีย กรีน เอนเนอจี จำกัด (มหาชน) หรือ AGE ผู้จัดจำหน่ายถ่านหินบิทูมินัส (ถ่านหินสะอาด) และผู้ให้บริการด้านโลจิสติกส์แบบครบวงจร ขนส่งทางน้ำ-ทางบก-ท่าเรือ-คลังสินค้า เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ อนุมัติรายการเข้าซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนในบริษัท เอเชีย ไบโอแมส จำกัด (มหาชน) จำนวน 292107010 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท ในราคาเสนอขายหุ้นละ 1.30 บาท คิดเป็นมูลค่ารวม 379739113 ล้านบาท โดยบริษัทฯ จะชำระค่าหุ้นสามัญเพิ่มทุนด้วยการแลกหุ้น (share swap) ของหุ้นสามัญในบริษัท คิวทีซี เอนเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) (QTC) จำนวน 81860400 หุ้น หรือคิดเป็น ร้อยละ 24.00 ของจำนวนหุ้นสามัญทั้งหมดที่ออกและชำระแล้ว และหุ้นสามัญในบริษัท กรีน อาร์ดีเอฟ จำกัด (GRDF) จำนวน 335497 หุ้น หรือคิดเป็นร้อยละ 100 ของทุนจดทะเบียน แทนการชำระด้วยเงินสด และจะทำคำเสนอซื้อหุ้นต่อผู้ถือหุ้นทั่วไป (Tender Offer) ที่ระดับราคา 1.30 บาทต่อหุ้น สำหรับวัตถุประสงค์ในการเข้าซื้อกิจการของ AGE ในครั้งนี้ ถือเป็นการต่อยอดธุรกิจพลังงานยั่งยืน โดย ABM ถือเป็นผู้นำในธุรกิจเชื้อเพลิงชีวมวล ซึ่งเป็นเชื้อเพลิงแห่งอนาคต และบริษัทฯ มุ่งหวังที่จะเป็นส่วนนึงในการช่วยผลักดันภาคอุตสาหกรรมให้ไปสู่พลังงานสะอาด
พร้อมทั้งอนุมัติให้เสนอต่อที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ในวันที่ 22 ตุลาคม 2567 เพื่อพิจารณาอนุมัติการเข้าซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนในบริษัท เอเชีย ไบโอแมส จำกัด (มหาชน) จำนวน 292107010 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท ในราคาเสนอขายหุ้นละ 1.30 บาท คิดเป็นมูลค่ารวม 379739113 ล้านบาท การชำระค่าตอบแทนโดยการโอนขายหุ้นสามัญของบริษัท คิวทีซี เอนเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) (QTC) และหุ้นสามัญในบริษัท กรีน อาร์ดีเอฟ จำกัด (GRDF) แทนการชำระด้วยเงินสด และ การทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมดในบริษัท เอเชีย ไบโอแมส จำกัด (มหาชน) ซึ่งบริษัทฯ คาดว่ากระบวนการดังกล่าวจะแล้วเสร็จภายในไตรมาส 4/2567 และจะส่งผลให้ AGE เพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นจากปัจจุบัน 7.42% เป็น 51 -100% ของจำนวนหุ้นทั้งหมดภายหลังการเพิ่มทุน
ในปัจจุบัน AGE มีการดำเนินงาน 4 กลุ่มธุรกิจ ประกอบด้วย ธุรกิจถ่านหิน ธุรกิจโลจิสติกส์ ธุรกิจพลังงานยั่งยืน และธุรกิจ Diversified Investments สัดส่วนรายได้หลักของบริษัทฯ ยังมาจากธุรกิจถ่านหินที่ 95% แต่หลังจากการเข้าทำรายการซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนในเอเชีย ไบโอแมส จำกัด (มหาชน) สัดส่วนรายได้จากถ่านหินของบริษัทฯ จะลดลง จากการรับรู้รายได้ของบริษัทเอเชีย ไบโอแมส จำกัด (มหาชน) ในฐานะบริษัทย่อย และในอนาคตบริษัทฯ ตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนรายได้จากธุรกิจที่มีความยั่งยืน โดยวางเป้าหมายของธุรกิจโลจิสติกส์ เพิ่มสัดส่วนการให้บริการจากกลุ่มลูกค้าภายนอกทั้งจากกลุ่มสินค้าเกษตร และสินค้าอุตสาหกรรมเป็น 50% จากปัจจุบันที่ 35% ขณะที่ธุรกิจพลังงานยั่งยืน (Sustainable Energy) บริษัทฯ ตั้งเป้าเพิ่มยอดขายเชื้อเพลิง RDF ซึ่งเป็นเชื้อเพลิงจากขยะ ภายใต้บริษัทย่อย Green RDF อย่างต่อเนื่อง และธุรกิจ Human Solutions (Diversified Investments) ภายใต้บริษัทย่อย “เอจีอี เวนเจอร์ หรือ AGEVT” ได้จัดตั้งบริษัท เอจีอี อีวี พลัส จำกัด เพื่อดำเนินธุรกิจให้บริการปล่อยเช่ารถ EV ให้กลุ่มลูกค้าที่สนใจ โดยจะเริ่มดำเนินงานตั้งแต่ไตรมาส 3/2567 และได้มีการจัดตั้งบริษัท เอจีอี ออโต้ แกลลอรี่ จำกัด เพื่อรองรับธุรกิจดีลเลอร์ขายรถไฟฟ้า EV เนื่องจากมองว่าตลาดรถ EV ยังมีดีมานด์สูงขึ้นในอนาคต โดยได้เปิดให้บริการ 1 โชว์รูมซึ่งเป็น แบรนด์ OMODA & JAECOO และวางแผนที่จะเปิดเพิ่ม 2 โชว์รูมภายในปีนี้ บริษัทฯตั้งเป้าสัดส่วน EBITDA มาจากธุรกิจยั่งยืน 75% ธุรกิจถ่านหิน 25% ภายในปี 2573
“บริษัทมีแผนที่จะเติบโตในธุรกิจที่ยั่งยืน ด้วยการลงทุนในพลังงานสะอาดทั้ง พลังงานจากขยะ และชีวมวล การขยายสัดส่วนรายได้การให้บริการโลจิสติกส์ในสินค้าเกษตร และสินค้าอุตสาหกรรม และมีแผนที่จะลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการดำเนินการ ทั้งคลังสินค้า และระบบการขนส่ง และ ธุรกิจดีลเลอร์ขายรถไฟฟ้า EV และ การปล่อยเช่ารถ EV โดยการซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนในบริษัท เอเชีย ไบโอแมส จำกัด (มหาชน) ผ่านการแลกหุ้นครั้งนี้ จะเป็นส่วนสำคัญในการรุกเข้าสู่ธุรกิจ กรีน ของ เอจีอี และเราตั้งเป้าว่าใน ปี 2573 สัดส่วน EBITDA ของบริษัท จะมาจากธุรกิจถ่านหินเพียง 25% และอีก 75% จะมาจากธุรกิจกรีนที่มีความยั่งยืน