Krungthai CIO มองตลาดหุ้นทั่วโลกพุ่ง รับอานิสงส์นโยบายทรัมป์ แนะสะสมหุ้นการเงิน พลังงาน และหุ้นขนาดเล็กสหรัฐฯ

   เมื่อ : 12 พ.ย. 2567

Krungthai CIO มองตลาดหุ้นทั่วโลกพุ่งแรงรับทรัมป์ คว้าชัยประธานาธิบดีสหรัฐฯ พร้อมครองเสียงข้างมากในสภาคองเกรสทั้งวุฒิสภาและสภาผู้แทนราษฎร ชี้โอกาสเกิด “ทรัมป์เทรด” ในหุ้นที่ได้รับอานิสงส์จากนโยบายทรัมป์ ทั้งการเงิน พลังงาน และหุ้นขนาดเล็กสหรัฐฯ โดยระยะสั้นหุ้นมีโอกาสปรับตัวตาม Sentiment หรือนโยบายที่ได้หาเสียงไว้ก่อนหน้า 

 

ทีมผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุน ธนาคารกรุงไทย (Krungthai Chief Investment Office)  วิเคราะห์ตลาดและการลงทุนประจำเดือนพฤศจิกายน 2567 ว่า  หลังโดนัลด์ ทรัมป์ ชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ พร้อมครองเสียงข้างมากในสภาคองเกรสทั้งวุฒิสภาและสภาผู้แทนราษฎร หรือ Red Sweep มีโอกาสเกิด Trump Trade หรือการที่ตลาดปรับตัวตามนโยบายหาเสียงของทรัมป์ ซึ่งมุ่งแนวทาง America First หรืออเมริกาต้องมาก่อน  โดยมีแผนกระตุ้นการใช้จ่ายมากขึ้น ลดภาษี และลดกฎเกณฑ์ในการทำธุรกิจ เช่น การลดภาษีนิติบุคคล จาก 21% เหลือ 15% แผนยืดระยะเวลาการลดอัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ขณะที่ด้านการค้าระหว่างประเทศ มีนโยบายเรียกเก็บภาษีนำเข้าจากจีนที่ระดับ 60% และเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากประเทศอื่นๆ ที่ระดับ 10%  โดยนโยบายด้านภาษี จะเป็นนโยบายที่สามารถเริ่มได้เร็วที่สุด เนื่องจากสามารถอาศัยอำนาจฝ่ายบริหาร (Executive Order) ในการปรับขึ้นภาษีนำเข้าจากจีนได้ทันที นอกจากนี้ นโยบายของทรัมป์ ยังมีแนวโน้มผ่อนคลายกฎเกณฑ์ในการทำธุรกิจ เช่น กฎเกณฑ์ด้านสิ่งแวดล้อม สนับสนุนพลังงานฟอสซิล กฎระเบียบควบคุมสถาบันการเงิน และสุดท้ายนโยบายเพิ่มการคุมเข้มคนเข้าเมือง

 

Krungthai CIO มองว่า การที่ทรัมป์มีแผนที่จะใช้จ่ายมากขึ้น ควบคู่กับการปรับลดภาษีนั้น ส่งผลให้สหรัฐฯ อาจขาดดุลทางการคลังเพิ่มขึ้น โดยมาตรการการปรับขึ้นภาษีนำเข้า ส่งผลให้เงินเฟ้ออาจชะลอตัวในอัตราลดลง ซึ่งอาจทำให้ธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) ปรับลดอัตราดอกเบี้ยน้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้ และยังคงอัตราดอกเบี้ยอยู่ที่ระดับสูงในระยะเวลาที่นานขึ้น

 

ทั้งนี้  Krungthai CIO ประเมินว่า หุ้นแต่ละกลุ่มได้รับผลกระทบจากนโยบายของทรัมป์ที่ต่างกัน ดังนี้

 

หุ้นขนาดเล็กที่มีรายได้จากในประเทศเป็นหลัก   จากแนวทางการบริหารประเทศแบบ America First การมีกำแพงภาษี และการปรับลดภาษีนิติบุคคล

 

หุ้นการเงิน จากแนวโน้มผ่อนคลายกฎเกณฑ์ในการทำธุรกิจ ทั้งสถาบันการเงิน และธุรกิจอื่นๆ  ส่งผลบวกต่อหุ้นกลุ่มการเงิน

 

หุ้นพลังงาน จากมาตรการลดกฎเกณฑ์ด้านสิ่งแวดล้อม สนับสนุนพลังงานฟอสซิล ส่งผลให้หุ้นกลุ่มพลังงานได้รับอานิสงส์เชิงบวก  ในทางตรงกันข้าม หุ้นที่อาจได้รับผลกระทบมากที่สุดคือ หุ้นกลุ่มพลังงานสะอาด เนื่องจากนโยบายของทรัมป์มีแผนที่จะลดการสนับสนุนอุตสาหกรรมดังกล่าว

 

สำหรับกลยุทธ์การลงทุน Krungthai CIO แนะลงทุนหุ้นขนาดเล็กของสหรัฐ หุ้นกลุ่มพลังงาน สร้างโอกาสรับผลตอบแทนที่ดี และชะลอการลงทุนตราสารหนี้ เพื่อประเมินผลกระทบจากนโยบายของทรัมป์ และทิศทางของอัตราเงินเฟ้อในอนาคต เนื่องจากได้รับผลกระทบมากที่สุดจากแนวโน้มอัตราเงินเฟ้อเร่งตัว และการที่เศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังโตได้แข็งแกร่ง ทำให้ธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) อาจไม่จำเป็นที่ต้องเร่งลดอัตราดอกเบี้ยเหมือนกับที่ตลาดเคยมองไว้