DTCENT เปิดกำไร 9 เดือนปี 67 แตะ 85.80 ลบ.
บมจ.ดี.ที.ซี. เอ็นเตอร์ไพรส์ (DTCENT) โชว์ผลการดำเนินงานงวด 9 เดือนปี 67 มีกำไรสุทธิ 85.80 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.50% เทียบงวดเดียวกันปีก่อน ผลจากการรับรู้รายได้การให้บริการใช้ระบบติดตามยานพาหนะ (GPS Tracking)-งานโครงการภาครัฐ-เอกชน รวมถึงบริหารต้นทุนได้ดี ฟากซีอีโอ “ทศพล คุณะเพิ่มศิริ” ระบุ โค้งสุดท้ายปีนี้ เร่งเปิดศูนย์บริการ DTC SHOP ขยายช่องทางการขายออนไลน์ เตรียมเปิดศูนย์ฝึกอบรมด้านความปลอดภัยในการขนส่ง รวมทั้งอยู่ระหว่างเจรจาธุรกิจงานด้าน IoT Solutions และ AI ไปประเทศกัมพูชา คาดชัดเจนปีหน้า ผลักดันผลงานเติบโตในอนาคต
นายทศพล คุณะเพิ่มศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ดี.ที.ซี. เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด (มหาชน) (DTCENT) ผู้นำในการให้บริการระบบ GPS Tracking อันดับ 1 ในประเทศไทย (อ้างอิงจากข้อมูลกรมการขนส่งทางบกในเดือนมกราคม 2567) เปิดเผยว่า ภาพรวมผลการดำเนินงานในงวด 9 เดือนของปี 2567 (สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2567) บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 85.80 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.50% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 83.71 ล้านบาท และในงวด 9 เดือนของปี 2567 มีรายได้รวมอยู่ที่ 550.83 ล้านบาท
ขณะที่ ผลการดำเนินงานไตรมาส 3/2567 มีรายได้รวม 183.94 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 21.18 ล้านบาท
โดยได้รับปัจจัยหนุนจากรายได้จากการให้บริการใช้ระบบติดตามยานพาหนะ (GPS Tracking) รวมทั้ง รายได้จากงานโครงการของภาครัฐและเอกชนเข้ามาอย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งสามารถบริหารต้นทุนได้ดี
สำหรับแผนการดำเนินธุรกิจในช่วงที่เหลือของปีนี้ บริษัทฯ เดินหน้าเปิดศูนย์ DTC SHOP เพิ่มเติมจากปัจจุบันที่เปิดให้บริการแล้ว 14 แห่ง ประกอบด้วย สาขาถนนบางนา-ตราด กม.6 สาขาเชียงใหม่ สาขาอุดรธานี สาขาขอนแก่น สาขาอยุธยา สาขานครสวรรค์ สาขาพระราม 2 สาขาแหลมฉบัง จังหวัดชลบุรี สาขามาบข่า จังหวัดระยอง สาขาท่าฉาง จังหวัดสุราษฎร์ธานี สาขานครราชสีมา สาขาภูเก็ต สาขาอุบลราชธานี และสาขาจังหวัดสงขลา เพื่อให้บริการผู้ใช้รถทุกประเภท และครอบคลุมทั่วประเทศ และมีการทำตลาดด้านออนไลน์เพิ่มเติม โดยมุ่งเน้นกลุ่มลูกค้า SMEs
ส่วนงานด้านการอบรมความปลอดภัยอย่างครบวงจร เช่น การใช้รถใช้ถนน การขับขี่อย่างปลอดภัย และ Simulator ขณะนี้ได้เปิดให้บริการกับกลุ่มลูกค้าเดิม และมีแผนที่จะขยายไปยังกลุ่มลูกค้าใหม่ และในส่วนของศูนย์บริหารจัดการและบริการข้อมูลยานพาหนะ Vehicle Monitoring and Support Center ได้เปิดให้บริการงานมอนิเตอร์ให้กับลูกค้าเรียบร้อยแล้ว
ขณะที่ งานด้าน IoT Solutions และระบบ AI ปัจจุบันได้รับงานพัฒนาโครงการเทศบาลนครรังสิตสู่เมืองอัจฉริยะ โดยใช้แอปพลิเคชันสำหรับเมืองอัจฉริยะ (Rangsit City App) และบริษัทฯ วางแผนจัดทำโครงการ Smart City Solution Smart AI Solution ให้บริการกับโครงการหน่วยงานภาครัฐและเอกชนอีกหลายโครงการ ขณะเดียวกัน ยังอยู่ระหว่างการเจรจาทางธุรกิจ เพื่อนำงานด้าน IoT Solutions และระบบ AI ขยายไปในประเทศกัมพูชา คาดว่า จะเห็นความชัดเจนภายในปี 2568 ส่วนงานด้านระบบ BAMS (Business Activity Management System) ได้เปิดให้บริการบนเว็บไซต์และแอปพลิเคชันบนสมาร์ทโฟนเรียบร้อยแล้ว มีจำนวนลูกค้าที่ใช้บริการ 42 บริษัท
สำหรับการทำงานร่วมกับ 2 พันธมิตรทางธุรกิจ ประกอบด้วย บริษัท บุญรอด ซัพพลายเชน จำกัด (BRS) ได้รับงานโครงการของหน่วยงานภาครัฐร่วมกัน สามารถทยอยรับรู้รายได้อย่างต่อเนื่อง ในส่วนของ บริษัท ยาซากิ เอ็นเนอร์จี ซิสเท็ม คอร์ปอเรชั่น (YES) จะสามารถเริ่มงานในปี 2568 ทั้ง OEM สำหรับอุปกรณ์ GPS Tracking และ Telematics และบริษัทฯ ได้รับใบ Certificate IATF 16949 ระบบมาตรฐานการจัดการติดตั้งอุปกรณ์สำหรับผู้ผลิตยานยนต์เรียบร้อยแล้ว สามารถเริ่มงาน OEM สำหรับอุปกรณ์ GPS Tracking และ Telematics ได้ทั้งในประเทศและต่างประเทศ
ล่าสุด ที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2567 เมื่อวันที่ 30 ตุลาคม 2567 ที่ผ่านมา ผ่านระบบสื่ออิเล็กทรอนิกส์ (E-EGM) โดยผู้ถือหุ้นมีมติอนุมัติแก้ไขเพิ่มเติมวัตถุประสงค์การดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ เพื่อให้การประกอบธุรกิจครอบคลุมผลิตภัณฑ์ และบริการที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินธุรกิจของบริษัท เพื่อรองรับการประกอบธุรกิจใหม่ที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจหลัก โดยบริษัทฯ มีแผนที่จะเปิดศูนย์ฝึกอบรมด้านความปลอดภัยในการขนส่ง ซึ่งปัจจุบันเริ่มมีการพัฒนาบุคลากรจัดการด้านความปลอดภัยในการขนส่ง
“การดำเนินธุรกิจในช่วงที่เหลือของปีนี้ ยังมีทิศทางที่ดี เนื่องจากเป็นช่วงไฮซีซั่น การขนส่ง การท่องเที่ยวกลับมาคึกคัก ประกอบกับ บริษัทฯ มีการเปิดศูนย์ DTC SHOP เพื่อให้บริการติดตั้ง ซ่อมบำรุงอุปกรณ์ GPS Tracking และกล้องติดรถ ครอบคลุมหลายพื้นที่ในประเทศ นอกจากนี้ ยังมีการวิจัยและพัฒนา ในด้านอิเล็กทรอนิกส์ ดีไซน์ เพื่อสร้างโปรดักส์ใหม่ๆ ให้ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค และทันต่อการเปลี่ยนแปลงในอนาคต มั่นใจว่า ในระยะยาวผลงานของ DTCENT จะสามารถเติบโตตามเป้าหมายที่วางไว้ได้” นายทศพล กล่าวในที่สุด