A5 อวดงบ 9 เดือน โกยรายได้ 1478.87 ลบ. กำไรโต 40.59%
A5 เผยผลประกอบการ 9 เดือน กวาดรายได้ 1478.87 ล้านบาท กำไร 488.89 ล้านบาท โต 40.59% มองทิศทาง Q4/67 เติบโตแข็งแกร่ง ตลาดอสังหาฯ ลักชัวรียังคึกคัก มั่นใจรายได้เติบโตต่อเนื่อง กางแผนเตรียมเปิดโครงการใหม่ แซงค์ รอยัล เดอะ เอททีน บางนา กม.7 ภายใน Q4/67 นี้
นายศุภโชค ปัญจทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสเซท ไฟว์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ A5 ผู้นำด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์แนวราบ-แนวสูงระดับลักชัวรี เปิดเผยว่า ผลประกอบการงวด 9 เดือน ปี 2567 มีรายได้รวม 1478.87 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีรายได้รวม 1095.82 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 34.95% และมีกำไร 488.89 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไร 347.72 ล้านบาท จำนวน 141.17 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 40.59%
ด้านผลประกอบการไตรมาส 3/2567 มีรายได้รวม 558.59 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีรายได้รวม 427.53 ล้านบาท จำนวน 131.06 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 30.65% และมีกำไร 178.79 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนเช่นเดียวกัน
โดยผลประกอบการทั้งงวด 9 เดือน ปี 2567 และ ช่วงไตรมาส 3/2567 เติบโตทั้งรายได้และกำไร ส่วนใหญ่เป็นผลจากการรับรู้ยอดโอนกรรมสิทธิ์โครงการ CINQ ROYAL Krungthep Kreetha (แซงค์ รอยัล กรุงเทพกรีฑา) ขณะที่โครงการ VANA Ratchapruek-Westville (วนา ราชพฤกษ์-เวสต์วิลล์) ขายไปแล้วกว่า 70% ของเฟสที่เปิดขายในปัจจุบัน
ทั้งนี้ บริษัทมียอดขายรอโอนทุกโครงการ (Backlog) มูลค่า 900 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้ตั้งแต่ไตรมาส 4/2567 เป็นต้นไป และจะเป็นส่วนในการช่วยสร้างรายได้เติบโตให้กับบริษัทอย่างต่อเนื่อง
สำหรับทิศทางธุรกิจไตรมาส 4/2567 บริษัทคาดว่า ยังคงเป็นไปในทิศทางบวก เนื่องจากเป็นช่วงที่ตลาดอสังหาริมทรัพย์คึกคัก โดยเฉพาะเซ็กเมนต์กลุ่มลักชัวรี ที่ยังคงมีความต้องการซื้ออย่างต่อเนื่อง บริษัทจึงเดินหน้าตามแผน เตรียมเปิดตัวโครงการ CINQ ROYAL The Eighteen Bangna KM.7 (แซงค์ รอยัล เดอะ เอททีน บางนา กม.7) คฤหาสน์หรู 3 ชั้นที่ต่อยอดความสำเร็จจากทำเลกรุงเทพกรีฑา บนที่ดินติดสนามกอล์ฟหนึ่งเดียวในย่านบางนา กับความเป็นส่วนตัวเพียง 18 ยูนิต ราคาเริ่มต้น 75 – 200 ล้านบาท ภายในไตรมาส 4/2567 นี้ ซึ่งจะเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยสร้างการเติบโตที่แข็งแกร่งให้กับบริษัท
“บริษัทยังคงมุ่งมั่นบริหารงาน และพัฒนาโครงการให้ตอบโจทย์ความต้องการทั้งในด้านทำเลที่ตั้ง คุณภาพ และการออกแบบ เพื่อรักษากลุ่มลูกค้า Real Demand ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อที่ไม่ได้รับผลกระทบจากสภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว โดยยอดขายโครงการต่างๆ ในปัจจุบัน ถือเป็นเครื่องยืนยันกระแสตอบรับได้เป็นอย่างดี” นายศุภโชค กล่าว