AURA เผยปีทองการโต ยิ้มรับ Q4 ไฮซีซั่น ลุยออกหุ้นกู้ 122 วัน

   เมื่อ : 18 พ.ย. 2567

“บมจ. ออโรร่า ดีไซน์” หรือ AURA ยิ้มรับแนวโน้ม Q4 ธุรกิจทองเติบโตแข็งแกร่งรับไฮซีซั่น ชูการบริหารจัดการอย่างมีประสิทธิภาพ ทำกำไรได้แม้ราคาทองปรับเพิ่มขึ้นหรือลดลง ด้าน Gold Financing สินเชื่อทองมาเงินไปพอร์ตโตทะลุทะลวงจากเป้าเดิม 3800 ลบ. ยอดลูกหนี้ขายฝาก ณ สิ้นกันยายน ปี 67 อยู่ที่ 4212 ลบ. ใกล้เคียงเป้าหมายใหม่ สิ้นปีคาดพอร์ตอยู่ที่ 4500 ลบ. เป็นธุรกิจที่มาแรงฉุดไม่อยู่ โดยเตรียมออกหุ้นกู้ระยะสั้น 122 วัน อัตราดอกเบี้ย 3.86% ต่อปี เสริมความแข็งแกร่งทองมาเงินไปในต้นปีหน้า ส่วนเป้ารายได้ทั้งปีคาดโตไม่แพ้ปีที่ผ่านมา

 

นายอนิพัทย์ ศรีรุ่งธรรม ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายงานการตลาด บริษัท ออโรร่า ดีไซน์ จำกัด (มหาชน) หรือ AURA ผู้นำธุรกิจค้าปลีกทองรูปพรรณ เครื่องประดับเพชรและอัญมณี รวมทั้ง ธุรกิจเกี่ยวเนื่องอื่นที่มีบริการแบบครบวงจร (One Stop Service) เปิดเผยว่า ภาพรวมผลการดำเนินในช่วงโค้งสุดท้ายของปี 67 มีทิศทางการเติบโตที่ดี มีการขยายตัวต่อเนื่องผ่าน 3 กลุ่มธุรกิจหลักของบริษัท รับไฮซีซั่นธุรกิจ ประกอบด้วย  Modern Gold ผลิตภัณฑ์ทองรูปพรรณที่มีส่วนประกอบของทองคำบริสุทธิ์ 96.5% และ High Margin Product เครื่องประดับเพชร และของขวัญ มีทิศทางการเติบโตที่ดี และจะยิ่งเห็นภาพชัดเจนในปีหน้า ขณะที่ Gold Financing มีการเติบโตสูง และไฮซีซั่นจะอยู่ในช่วงเดือนตุลาคม สนับสนุนสิ้นปีคาดพอร์ตสินเชื่อทะลุเกินเป้า

 

“โดยปกติในช่วงไตรมาส 4 ของทุกปีจะเป็นช่วงไฮซีซั่นของธุรกิจ อย่างไรก็ดี จากภาพรวมตลาดต่างประเทศ การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ มีผลให้ราคาทองปรับลดลงเล็กน้อย โดยราคาทองในประเทศไทยค่อนข้างนิ่งกว่าเมื่อเทียบกับ USD  อย่างไรก็ตามบริษัทสามารถบริหารจัดการได้ดี และควบคุมความเสี่ยงได้ อีกทั้ง ความกังวลที่มีต่อบริษัท ว่าจะได้รับผลบวกตอนราคาทองขึ้น และได้รับผลกระทบเชิงลบตอนราคาทองปรับลงนั้น บริษัทฯ ไม่มีความกังวล ด้วยความเชี่ยวชาญในการบริหารจัดการ ทำให้สามารถปรับกลยุทธ์ได้ทั้งฝั่งขาขายและขารับซื้ออย่างเหมาะสม อีกทั้ง หากราคาทองที่ปรับลดลงในช่วงนี้ซึ่งเป็นช่วงไฮซีซั่น ซึ่งจะทำให้มีรอบหมุนฝั่งขาขายเข้ามามากขึ้น ซึ่งบริษัทฯ มีการมอนิเตอร์อย่างใกล้ชิด เพื่อรักษาความสามารถในการทำรายได้และกำไรให้ดีตามเป้าหมายที่วางไว้” นายอนิพัทย์ กล่าว

 

อย่างไรก็ดี เพื่อรองรับการเติบโตของธุรกิจทองมาเงินไป (Gold Financing Business) ซึ่งปัจจุบันมีสัดส่วนรายได้ราว 2% แต่มีการเติบโตของรายได้ดอกเบี้ยรับประมาณ 80% (YoY) นับเป็นธุรกิจที่เติบโตอย่างมีนัยสำคัญ และโอกาสในการขยายตลาดนี้ยังมีอยู่มาก ณ สิ้นงวดไตรมาส 3/67 บริษัทฯ มีพอร์ตลูกหนี้รับขายฝากคงเหลืออยู่ที่ 4212 ล้านบาท ทะลุเป้าเดิมวางไว้ที่ 3800 ล้านบาท ตั้งเป้าใหม่สิ้นปีไว้ที่ 4500 ล้านบาท คาดทำได้ทะลุเป้า บริษัทฯ จึงเตรียมแผนออกหุ้นกู้ระยะสั้น เพื่อรองรับโอกาสในการขยายพอร์ตต่อเนื่องในช่วงต้นปีหน้า

 

ล่าสุด AURA ได้ยื่นร่างแบบแสดงรายการต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) โดยคาดว่าออกและเสนอขายหุ้นกู้ระยะสั้นครั้งที่ 1/2567 ชนิดระบุชื่อผู้ถือ ประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน และมีผู้แทนถือหุ้นกู้ อายุ 122 วัน อัตราดอกเบี้ยคงที่ 3.86% ต่อปี วัตถุประสงค์เพื่อซื้อทรัพย์สิน ลงทุน หรือเป็นเงินค่าใช้จ่ายในกิจการที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินธุรกิจในปัจจุบันภายในเดือนเมษายน 2568

 

ทั้งนี้ AURA ได้รับการจัดอันดับเครดิตเรทติ้งอยู่ที่ ’BBB’ แนวโน้ม ’คงที่’ จากทริสเรทติ้ง เมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน 2567 โดยการออกหุ้นกู้ครั้งนี้ถือเป็นการออกครั้งแรกของบริษัทในปีนี้ซึ่งแสดงถึงความพร้อมและความเชื่อมั่นในตลาดทุน กำหนดวันออกหุ้นกู้วันที่ 20 ธันวาคม 67 และวันครบกำหนดไถ่ถอนหุ้นกู้วันที่ 21 เมษายน 68 กำหนดจ่ายดอกเบี้ยครั้งเดียวในวันครบกำหนด เสนอขายต่อผู้ลงทุนสถาบัน และ/หรือ ผู้ลงทุนรายใหญ่ ผ่านผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้ ประกอบด้วย บริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)  บริษัทหลักทรัพย์ บลูเบลล์ จำกัด บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)  บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)

 

ในด้านผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 3/67 บริษัทฯ มีรายได้รวมอยู่ที่ 7891.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17.5% จากการขยายตัวของธุรกิจผลิตภัณฑ์ทองรูปพรรณที่มีส่วนประกอบของทองคำบริสุทธิ์ 96.5% หรือ  Modern Gold การขยายฐานลูกค้าผ่านการเปิดสาขาใหม่ และราคาทองคำที่อยู่ในระดับสูง รวมทั้ง การเติบโตของรายได้ดอกเบี้ยจากการขายฝากที่เพิ่มขึ้นตามการขยายตัวของลูกหนี้ และมีอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 10.5%  กำไรสุทธิอยู่ที่ 204.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 44.7% เมื่อปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปีที่ผ่านมา  

 

สำหรับผลประกอบการ 9 เดือนของปี 2567 เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน บริษัทฯ มีรายได้รวม 23564.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.1% มีอัตราการทำกำไรขั้นต้นดีขึ้นอยู่ที่ 11.5% กำไรสุทธิอยู่ที่ 824.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 35.5% จากการขายสินค้าของธุรกิจ Modern Gold และธุรกิจขายฝาก Gold Financing Business อีกทั้ง ยังนับเป็นการเติบโตในระดับใกล้เคียงกับผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีแรกของปีนี้ ซึ่งมีกำไรสุทธิเติบโตจากงวดเดียวกันของปีก่อนในระดับ 32.7%