NAM รับอานิสงส์นโยบายภาครัฐหนุนดีมานด์ผลิตภัณฑ์การแพทย์ ลุยเจาะตลาด B2B-B2C

   เมื่อ : 21 พ.ย. 2567

บมจ.นำวิวัฒน์ เมดิคอล คอร์ปอเรชั่น หรือ NAM แย้มแนวโน้มผลงานไตรมาส 4/2567 เติบโตแข็งแกร่ง หนุนผลงานทั้งปีเติบโตต่อเนื่องจากปีก่อน รับอานิสงส์นโยบายภาครัฐ อาทิ 30 บาทรักษาทุกที่ การพัฒนา Medical Hub รวมถึงหน่วยงานรัฐเดินแผนเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณ 67-68 ที่กระตุ้นความต้องการผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์ ฟากผู้บริหาร "วิโรจน์ ชัยเทอดเกียรติ" ระบุเตรียมเดินหน้าขยายตลาดในประเทศผ่านรูปแบบ B2B และ B2C พร้อมเสริมฐานลูกค้าต่างประเทศในโซนภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้  อีกทั้งมุ่งพัฒนาผลิตภัณฑ์กลุ่ม Healthcare และห้องผ่าตัด ชูจุดเด่นด้านนวัตกรรมล้ำสมัย และการพัฒนาอย่างยั่งยืน สอดรับเป้าหมาย Net Zero เพื่อสร้างความสำเร็จทั้งด้านธุรกิจและการมีส่วนร่วมพัฒนาสังคมอย่างยั่งยืน

 

นายวิโรจน์ ชัยเทอดเกียรติ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท นำวิวัฒน์ เมดิคอล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (NAM) ผู้ดำเนินธุรกิจ ผลิต นำเข้า และจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์เครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์สำหรับการทำความสะอาดและฆ่าเชื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์ รวมถึงผลิตภัณฑ์สิ้นเปลืองทางการแพทย์ และให้บริการอื่นที่เกี่ยวข้องแบบครบวงจร เปิดเผยว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานในไตรมาส 4/2567 คาดว่าจะสามารถเติบโตมากกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน จากปัจจัยบวกด้านนโยบายรัฐที่ให้ความสำคัญกับระบบสาธารณสุข เช่น นโยบาย 30 บาทรักษาทุกที่ ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว เพิ่มพื้นที่บริการเป็น 42 จังหวัด จากที่เริ่มต้นเพียง 4 จังหวัดเมื่อปลายปีที่ผ่านมา ซึ่งสามารถใช้บริการในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ซึ่งช่วยยกระดับการเข้าถึงบริการสุขภาพของประชาชน และกระตุ้นความต้องการผลิตภัณฑ์เครื่องมือแพทย์กลุ่ม วัสดุสิ้นเปลือง

 

นอกจากนี้ บริษัทฯ สามารถรับรู้รายได้และกำไรจากการลงทุนกับพันธมิตรและจัดตั้งบริษัทร่วมทุน อาทิ บริษัท เซอร์วิโซ เฮลท์แคร์ โซลูชั่น จำกัด โดย NAM ถือหุ้น 60% ดำเนินธุรกิจการให้บริการงานสนับสนุนทางการแพทย์ ให้แก่โรงพยาบาล คลินิก บริษัท หรือหน่วยงานอื่นๆที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย 1) การให้บริการทำให้เครื่องมือแพทย์ปราศจากเชื้อ (Sterile Processing Service) 2) การให้บริการบำบัดมูลฝอยติดเชื้อทางการแพทย์ (Medical Waste Sterilization Service) และ 3) การให้บริการด้านวิศวกรรมชีวการแพทย์ (Biomedical Engineering Service) ทั้งในประเทศและต่างประเทศ และจากการลงทุนซื้อหุ้นสามัญของบริษัทที่จดทะเบียนจัดตั้งภายใต้กฎหมายในประเทศมาเลเซีย โดย NAM ถือหุ้น 60% ซึ่งดำเนินธุรกิจตัวแทนจำหน่ายเครื่องมือและอุปกรณ์ วัสดุสิ้นเปลืองทางการแพทย์ ให้กับโรงพยาบาลรัฐและเอกชนในประเทศมาเลเซีย

 

สำหรับแผนธุรกิจบริษัทฯ วางกลยุทธ์การขยายตลาดในประเทศให้มากขึ้นในรูปแบบ B2B และ B2C พร้อมเดินหน้าขยายฐานลูกค้าในต่างประเทศจากกลุ่มงานบริการ ด้วยการร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจ ตลอดจนมองหาโอกาสการลงทุนเพิ่มเติมในต่างประเทศ เพื่อต่อยอดธุรกิจ ขยายการขายในต่างประเทศ และขยายกลุ่มตัวแทนจำหน่ายในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพื่อเป็นฐานในการกระจายสินค้าในอนาคต 

 

ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร NAM กล่าวต่อว่า บริษัทฯ มีแผนการเพิ่มผลิตภัณฑ์ในกลุ่ม Healthcare และผลิตภัณฑ์ในห้องผ่าตัดรวมถึงอุปกรณ์ทุกอย่างแบบครบวงจร เพื่อขยายฐานรายได้ในกลุ่มผลิตและจำหน่ายอุปกรณ์ทางการแพทย์ (SM) และกลุ่มผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์สิ้นเปลืองทางการแพทย์ (CS)   จากเดิมที่รับเฉพาะงานการให้บริการการฆ่าเชื้อ CSSD บริการซ่อมบำรุงอุปกรณ์ทางการแพทย์ และการกำจัดของเสีย (SV) โดยมุ่งเน้นงานนวัตกรรมทางการแพทย์ที่ทันสมัยและมีประสิทธิภาพ รวมถึงมีงานวิจัยและพัฒนาสินค้าใหม่ๆ ประกอบกับ เตรียมขยายโรงงานเพื่อรองรับกำลังการผลิต เพื่อมุ่งสร้างการเติบโตไปอย่างมั่นคงและยั่งยืน

 

นอกจากนี้ บริษัทฯ ได้ขึ้นทะเบียนตามแนวทางการประเมินคาร์บอนฟุตพริ้นท์ขององค์กร ตามมาตรฐานขององค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) หรือ TGO ซึ่งการที่บริษัทฯ ได้รับใบรับรองในครั้งนี้ แสดงถึงความมุ่งมั่นในการประกอบธุรกิจ สะท้อนถึงการขับเคลื่อนองค์กรภาคธุรกิจบนเส้นทาง NetZero หรือลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิให้เป็นศูนย์ ด้วยความตระหนักและใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อม และบรรเทาผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศตามนโยบายของหน่วยงานรัฐในทุกขั้นตอนการผลิต จัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ และ บริการ โดยบริษัทฯ ยังคงมุ่งมั่นผลักดันการเติบโตของธุรกิจให้ก้าวไปพร้อมกับสังคม และคำนึงถึงสิ่งแวดล้อมในทุกมิติ