”มีที่ มีเงิน” จับมือ สสว. เปิดทางรอดให้ SMEs พร้อมช่วยรีไฟแนนซ์จากหนี้นอกระบบ

   เมื่อ : 02 ธ.ค. 2567

บริษัท มีที่ มีเงิน จำกัด บริษัทในเครือของธนาคารออมสิน ร่วมมือกับ สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) ลงนามบันทึกข้อตกลง มอบสิทธิประโยชน์กับผู้ประกอบการ SMEs ให้เข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ง่ายขึ้น ไม่ต้องพึ่งนายทุนนอกระบบ เสริมสภาพคล่อง ต่อยอดธุรกิจ


บริษัท มีที่ มีเงิน จำกัด โดยคุณอภิชาติ อรรฆย์ฐากูร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และ คุณปณิตา ชินวัตร รองผู้อำนวยการสำนักงาน รักษาการแทนผู้อำนวยการสำนักงาน เข้าร่วมในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงการให้สิทธิประโยชน์กับผู้ประกอบการที่ลงทะเบียน SMEs ผู้รับบริการภาครัฐ ณ สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) โดยทางคุณอภิชาติ อรรฆย์ฐากูร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท มีที่ มีเงิน จำกัด กล่าวว่า ผู้ประกอบการ SMEs เป็นอีกหนึ่งภาคส่วนธุรกิจไทยที่มีความสำคัญในฐานะกลไกขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่มาจากฐานรากหรือประชาชนคนทั่วไป โดยปัจจุบัน มีผู้ประกอบการจำนวนมากไม่สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนจากสถาบันการเงินได้ จึงหันไปพึ่งการใช้บริการนายทุนนอกระบบที่มีดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมที่สูง บริษัท มีที่ มีเงิน จำกัด ซึ่งมีผู้ถือหุ้นใหญ่โดยธนาคารออมสิน ที่เป็นธนาคารเพื่อสังคม จึงสานต่อพันธกิจในการมุ่งช่วยเหลือผู้ประกอบการ SMEs ด้วยการให้บริการสินเชื่อที่ดินจำนองและขายฝาก ด้วยอัตราดอกเบี้ยต่ำ และค่าธรรมเนียมที่เป็นธรรม เพื่อให้ผู้ประกอบการที่ต้องการเงินทุนไว้ใช้เสริมสภาพคล่อง ลงทุนขยายธุรกิจ รวมถึงรีไฟแนนซ์ จากนายทุนนอกระบบหรือผู้ให้บริการสินเชื่อเอกชนรายอื่น เพื่อลดภาระดอกเบี้ยที่มีอยู่ โดยทางบริษัทมีนโยบาย "ไม่มุ่งเน้นยึดทรัพย์" อีกทั้งยังกล่าวขอบคุณ สสว. ที่ให้ความร่วมมือกับบริษัทฯ เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ และเพิ่มช่องทางในการเข้าถึงผู้ประกอบการ SMEs ทั่วประเทศ


สำหรับ บริษัท มีที่ มีเงิน จำกัด ถือหุ้นโดย ธนาคารออมสิน บจก.ทิพย เอกซ์โพเนนเชียล และ บมจ. บางจาก คอร์เปอเรชั่น ให้บริการสินเชื่อที่ดินจำนองและขายฝาก เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการที่ต้องการนำเงินทุนไว้ใช้หมุนเวียนประกอบกิจการ ในส่วนผู้ยื่นขอสินเชื่อต้องเป็นผู้ประกอบการที่ดำเนินธุรกิจมาแล้วอย่างน้อย 1 ปี และถือครองกรรมสิทธิ์ที่ดินขั้นต่ำ 1 ปี และมีเอกสารรับรองการเป็นสมาชิก สสว. หรือ SME ONE ID โดยจะได้รับวงเงินแบ่งตามประเภทการจดทะเบียนธุรกิจ บุคคลธรรมดา ตั้งแต่ 1 – 10 ล้านบาท นิติบุคคล ตั้งแต่ 1 – 50 ล้านบาท โดยมีระยะเวลาการชำระเงินกู้ไม่เกิน 5 ปี และไม่จำเป็นต้องตรวจเครดิตบูโร