กรุงศรี เดินหน้าเสริมแกร่งธุรกิจขนาดใหญ่ ยกระดับโซลูชันการเงิน

นายประกอบ เพียรเจริญ ประธานคณะเจ้าหน้าที่ด้านลูกค้าธุรกิจขนาดใหญ่และวาณิชธนกิจ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) หรือ BAY เปิดเผยว่า ปีที่ผ่านมาแม้เศรษฐกิจโลกจะเผชิญกับความท้าทายหลายด้าน แต่ธนาคารยังคงให้การสนับสนุนกลุ่มลูกค้าธุรกิจขนาดใหญ่ให้เติบโตอย่างมั่นคงด้วยการให้บริการทางการเงินที่ตอบโจทย์ในทุกมิติ โดยเฉพาะในด้านการเงินเพื่อความยั่งยืน (Sustainable Finance) ที่ได้รับความสนใจมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ซึ่งธนาคารมีผลงานโดดเด่น และ เป็นส่วนสำคัญในการสนับสนุนการเงินเพื่อความยั่งยืนให้กับทั้งภาครัฐและเอกชน เช่น การออกพันธบัตรส่งเสริมความยั่งยืน (Sustainability-Linked Bond หรือ SLB) ของกระทรวงการคลัง ครั้งแรกของประเทศไทย โดยเป็นประเทศแรกในเอเชีย และ เป็นประเทศที่สามของโลก ต่อจากประเทศชิลีและอุรุกวัย พันธบัตรเพื่อสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรทางทะเล (Blue Bond) ครั้งแรกของประเทศไทย หุ้นกู้เพื่อความยั่งยืนครั้งแรกในอุตสาหกรรมโทรคมนาคม
รวมถึงให้การสนับสนุนสินเชื่อหลายกลุ่มอุตสาหกรรม ได้แก่ อุตสาหกรรมพลังงาน นิคมอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ โครงสร้างพื้นฐานและโทรคมนาคม ธุรกิจโรงพยาบาล และอุตสาหกรรมเกษตร ซึ่งสินเชื่อในหลายๆอุตสาหกรรมข้างต้นเป็นสินเชื่อเพื่อสนับสนุนความยั่งยืน
นอกจากนี้ ธนาคารยังเป็นที่ปรึกษาและมีส่วนรวมใน 3 ธุรกรรมที่สำคัญ ได้แก่ (1) การเป็นที่ปรึกษาสำหรับการ ซื้อขายและควบรวมกิจการ (Exclusive M&A advisor) ในธุรกรรมการควบรวมกิจการพลังงานทดแทนที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยประจำปี 2567 โดยเป็นการจำหน่ายหุ้น 90% ในกลุ่มธุรกิจพลังงานแสงอาทิตย์ขนาดรวม 139.4 เมกะวัตต์ มูลค่ารวม 4828 ล้านบาท ซึ่งเป็นการร่วมมือกันระหว่างกรุงศรี และ MUFG
(2) การเป็นที่ปรึกษาทางการเงินแต่เพียงผู้เดียว (Sole Financial Advisor) และ บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) (Krungsri Securities) เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายแต่เพียงผู้เดียว (Sole Lead Underwriter) ในการเสนอขายหน่วยทรัสต์ของทรัสต์เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ สำหรับการเพิ่มทุนครั้งที่หนึ่ง
(3) การเป็นผู้สนับสนุนการขาย (Selling Agent) หน่วยลงทุนของกองทุนรวมวายุภักษ์หนึ่ง ผ่านครือข่ายสาขาของธนาคารทั่วประเทศไทย และ แอปพลิเคชัน krungsri app ซึ่งทั้งหมดนี้สะท้อนถึงความเชื่อมั่นและไว้วางใจที่ลูกค้าทุกกลุ่มมีต่อธนาคาร
อย่างไรก็ตาม ในปี 2568 ยังคงเป็นปีที่เต็มไปด้วยความท้าทาย โดยเฉพาะไทย ซึ่งอาจได้รับผลกระทบจากความไม่แน่นอนด้านการลงทุนจากต่างประเทศและปัจจัยภายนอก เช่น ความผันผวนของตลาดโลก และ ความตึงเครียดทางการค้าระหว่างประเทศ ประกอบกับ ยอดสินเชื่อของกลุ่มลูกค้าธุรกิจขนาดใหญ่ในช่วงไตรมาสแรกของปีเติบโตตามเป้าการเติบโตด้านสินเชื่อที่ 5-7% ที่ตั้งไว้
สำหรับแนวทางการดำเนินธุรกิจของกลุ่มงานลูกค้าธุรกิจขนาดใหญ่ และ วาณิชธนกิจ ปี 2568 ตั้งอยู่บนแนวคิด "Crafting Collaboration Moving Beyond Solutions" สะท้อนถึงวิสัยทัศน์ในการคิด และ ทำงานร่วมกับลูกค้าอย่างใกล้ชิดเพื่อติดตาม และ ประเมินสถานการณ์ พร้อมทั้งให้คำแนะนำ และ ร่วมมือกันพัฒนากลยุทธ์ และ แนวทางเพื่อบรรลุเป้าประสงค์ทางธุรกิจสำหรับลูกค้าแต่ละรายโดยเฉพาะ
โดยไม่เพียงมุ่งเน้นการตอบสนองต่อความต้องการในระยะสั้น แต่ยังคงให้ความสำคัญในการสร้างความสัมพันธ์ระยะยาว พร้อมทั้งออกแบบแนวทางการเติบโตที่มั่นคง และ ยั่งยืนในทุกมิติของธุรกิจผ่านการดำเนินงานใน 4 ด้านหลัก ได้แก่
1. Sustainable Finance and Capacity Building - เสริมสร้างขีดความสามารถด้านการเงินเพื่อความยั่งยืน พร้อมสนับสนุนการดำเนินธุรกิจของลูกค้าในมิติของ ESG (Environmental Social and Governance) เพื่อสร้างโอกาสทางการเงินใหม่ๆ รองรับการเติบโตอย่างมีความรับผิดชอบ และ สร้างคุณค่าให้กับธุรกิจ และ สังคมในระยะยาว Quality Growth - ผลักดันการเติบโตทางธุรกิจอย่างมีคุณภาพด้วยความเข้าใจที่ลึกซึ้งในความ ต้องการของลูกค้าแต่ละราย พร้อมสร้างสมดุลระหว่างผลตอบแทนและความเสี่ยง
1. Investment Banking Solution - เสริมแกร่งโซลูชันการเงินเพื่อธุรกิจแบบครบวงจรผ่านความร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับเครือข่ายระดับโลกของ MUFG เครือข่ายธนาคารพันธมิตรในภูมิภาคอาเซียน และ บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) (Krungsri Securities) เพื่อให้คำปรึกษาทางด้านการเงินที่เหมาะสมกับสถานการณ์ และ ความต้องการของลูกค้าแต่ละราย รวมถึงการให้บริการที่ปรึกษาสำหรับการซื้อขาย และ ควบรวมกิจการ (Mergers and Acquisitions หรือ M&A) การเป็นที่ปรึกษาในการระดมทุนผ่านตลาดตราสารทุน (Equity Capital Markets) และ การเป็นผู้สนับสนุนการขาย (Selling Agent) หน่วยลงทุน
2. Leverage MUFG & Global Network - ยกระดับการให้บริการ และ เพิ่มโอกาสทางธุรกิจที่ก้าวไกลยิ่งขึ้นให้กับลูกค้า ด้วยความร่วมมือกับทุกหน่วยงานของกรุงศรี กรุ๊ป เครือข่ายของ MUFG และ เครือข่ายระดับโลก เพื่อเสริมสร้างศักยภาพในการตอบสนองความต้องการที่หลากหลายของลูกค้าทั้งในระดับประเทศ และนานาชาติ
อีกทั้ง ในปีนี้กลุ่มงานลูกค้าธุรกิจขนาดใหญ่ฯ ได้ต้อนรับหน่วยงานที่ดูแลกลุ่มลูกค้าบรรษัทข้ามชาติ หรือ Multinational Corporation (MNC) เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของทีมธุรกิจ ซึ่งธนาคารพร้อมจะช่วยเสริมความแข็งแกร่งร่วมกับบรรษัทข้ามชาติในภูมิภาค East Asian โดยเฉพาะเอเชียตะวันออก เช่น จีน ฮ่องกง เกาหลีใต้ และ ไต้หวัน ที่แสดงให้เห็นสัญญาณที่ดีในการขยายการลงทุน และ ดำเนินธุรกิจในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการกระตุ้นเศรษฐกิจไทย โดยธนาคาร และ MUFG พร้อมผนึกกำลังเพื่อสนับสนุนการดำเนินธุรกิจของลูกค้าในประเทศไทยอย่างมีประสิทธิภาพ และ ตอบโจทย์สูงสุด
สำหรับ M&A และ JV ปัจจุบันมีลูกค้าในมือเป็นจำนวนมาก โดยกลุ่มอุตสาหกรรมที่มีความต้องการลงทุนยังเป็นกลุ่มพลังงาน อาหารและเครื่องดื่ม แต่เนื่องจากที่ผ่านมาสถานการณ์ และ ภาวะตลาด ยังไม่เอื้อทำให้ลูกค้าชะลอการลงทุนออกไป
ในขณะที่อุตสาหกรรมที่ธนาคารให้ความระมัดระวังยังคงเป็นกลุ่มอสังหาฯ เนื่องจากได้รับผลกระทบจากสถานการณ์น้ำท่วมถ้าเป็นแนวราบ และ สถานการณ์แผ่นดินไหวถ้าเป็นแนวสูง ส่งผลให้ธนาคารต้องติดตามความต้องการของลูกค้าอสังหาฯ อย่างใกล้ชิด
"สินเชื่อรายใหญ่ปีนี้ยังคงเป้าไว้ที่ 5-7% โดยไตรมาส 1/68 โตไปแล้ว 4.7% ทำให้ภาพรวมครึ่งปีแรกน่าจะโตได้ 5% ซึ่งในครึ่งปีหลังต้องติดตามภาษีทรัมป์ เพราะจะกระทบต่อธุรกิจในครึ่งปีหลัง ตลอดจนมีลูกค้ารายใหญ่ชำระคืนเงินกู้ อาจทำให้สินเชื่อรายใหญ่แตะขอบล่างที่ 5% ได้"นายประกอบ กล่าว