เมืองไทยประกันชีวิต ร่วมกับ มูลนิธิเมืองไทยยิ้ม มอบเงินสนับสนุน “มูลนิธิโรงพยาบาลตำรวจในพระบรมราชินูปถัมภ์”

   เมื่อ : 26 เม.ย. 2567

พล.ต.อ.พรศักดิ์ ดุรงควิบูลย์ ประธานกรรมการมูลนิธิเมืองไทยยิ้ม  และ นางพิตราภรณ์ บุณยรัตพันธุ์ รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน)  ร่วมมอบงบประมาณสนับสนุนแก่ มูลนิธิโรงพยาบาลตำรวจ ในพระบรมราชินูปถัมภ์  เพื่อจัดซื้อเครื่องติดตามระบบพลศาสตร์การไหลเวียนในร่างกายผู้ป่วยอย่างต่อเนื่อง พร้อมภาควัดปริมาณออกซิเจนในสมอง เป็นจำนวนเงิน 1840000 บาท โดยมี พล.ต.ต.เกษม รัตนสุมาวงศ์ รองนายแพทย์ใหญ่ โรงพยาบาลตำรวจ เป็นประธานรับมอบเครื่องมือแพทย์  พร้อมด้วย พล.ต.ต.ทรงชัย สิมะโรจน์ เหรัญญิกมูลนิธิโรงพยาบาลตำรวจฯ  เข้าร่วมเป็นเกียรติในพิธี  โดยเครื่องมือแพทย์ดังกล่าวจะนำไปใช้ในหอผู้ป่วย ไอ ซี ยู หัวใจและหลอดเลือด กลุ่มงานอายุรกรรม  โดยพิธีรับมอบจัดขึ้น ณ ลานกิจกรรม ชั้น 2  อาคารมหาภูมิพลราชานุสรณ์ 88 พรรษา โรงพยาบาลตำรวจ

 

สำหรับเครื่องติดตามระบบพลศาสตร์การไหลเวียนในร่างกายผู้ป่วยอย่างต่อเนื่องที่มีภาควัดปริมาณออกซิเจนในสมองเรียกว่า "มอนิเตอร์ตรวจวัดไหลเวียนโลหิต" (Continuous Hemodynamic Monitoring) หรือ "มอนิเตอร์ตรวจวัดการไหลเวียนโลหิต" โดยมักใช้เครื่องเรียกว่า "เครื่องติดตามการไหลเวียนโลหิต" (Hemodynamic Monitoring System) ซึ่งมีประโยชน์มากมายในด้านการรักษาพยาบาล อาทิ  การติดตามความเสี่ยงและการประเมินทันที  เครื่องติดตามการไหลเวียนโลหิตสามารถช่วยในการตรวจวัดและติดตามค่าต่าง ๆ เช่น ความดันโลหิต อัตราการเต้นของหัวใจและการไหลเวียนของเลือด ทำให้ทีมแพทย์สามารถทราบถึงสถานะของผู้ป่วยและตอบสนองต่อการรักษาได้อย่างทันที 

 

อีกทั้งยังสามารถคาดการณ์และประมาณค่าความเปลี่ยนแปลงที่อาจเกิดขึ้นในสภาพการทำงานของร่างกาย ทำให้ทีมแพทย์สามารถเตรียมการและปรับปรุงการรักษาได้อย่างมีประสิทธิภาพ   ซึ่งจะสร้างความปลอดภัยของผู้ป่วยเพื่อตรวจสอบการตอบสนองของร่างกายต่อการรักษา และแจ้งเตือนเมื่อมีความผิดปกติที่อาจเกิดขึ้น เพื่อให้ทีมแพทย์สามารถรับมือกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็ว  ตลอดจนการสร้างความสะดวกสบายของผู้ป่วย เครื่องติดตามการไหลเวียนโลหิตทำให้สามารถติดตามสถานะของผู้ป่วยได้โดยไม่ต้องทำการตรวจวัดใหม่ทุกครั้ง ทำให้ลดความรบกวนและเพิ่มความสะดวกสบายในการดูแลผู้ป่วย นอกจากนี้ยังช่วยประหยัดเวลาและทรัพยากร ลดการตรวจวัดและการรักษาซ้ำซ้อน ทำให้ทีมแพทย์สามารถให้การดูแลที่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น