KKP จัดงานสัมมนา “KKP Shaping Tomorrow เราปรับ-โลกเปลี่ยน” ร่วมติดปีกผู้ประกอบการอสังหาฯ เปลี่ยนผ่านสู่ความยั่งยืน

   เมื่อ : 26 พ.ค. 2567

กลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทร (KKP) จัดงานสัมมนา “KKP Shaping Tomorrow เราปรับ-โลกเปลี่ยน” ระดมวิทยากรให้ความรู้แก่ลูกค้าผู้ประกอบการธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของธนาคารเกียรตินาคินภัทร เกี่ยวกับแนวทางและวิธีการเปลี่ยนผ่านไปสู่การเป็นธุรกิจแห่งอนาคตที่ช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมได้อย่างเป็นรูปธรรม ภายใต้หัวข้อการบรรยายและการเสวนาหลากหลายอาทิ ความยั่งยืนในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ การเปิดเผยข้อมูล และความยั่งยืนในมุมมองของนักลงทุน การออกแบบและเลือกใช้วัสดุก่อสร้าง การทำคาร์บอนฟุตพริ๊นท์ด้วยแพลตฟอร์มออนไลน์ โดยงานจัดขึ้น ณ อาคารเคเคพี ทาวเวอร์ วันที่ 23 พฤษภาคม 2567

 

นายอภินันท์ เกลียวปฏินนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทร กล่าวเปิดงานสัมมนาว่า ปัจจุบันทั่วโลกรวมถึงประเทศไทยกำลังเผชิญความท้าทายจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่รุนแรงขึ้น จนประเด็นนี้กลายเป็นเรื่องใกล้ตัว ไม่ว่าในมิติของภูมิศาสตร์หรือระยะเวลา และเป็นปัจจัยผลักดันให้ทุกคนยอมรับต้นทุนของการเปลี่ยนแปลงเพื่ออนาคตที่ดีกว่า เช่นเดียวกัน KKP ในฐานะองค์กรที่มีความรับผิดชอบต่อผู้มีส่วนได้เสียทุกฝ่าย ได้มุ่งมั่นปรับตัวเพื่อรับมือกับการเปลี่ยนผ่านสู่ความยั่งยืน โดยเฉพาะการปรับกลยุทธ์องค์กรเพื่อผลักดันเรื่อง ESG ให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม โดยในฐานะสถาบันการเงินผู้รวบรวมจัดสรรทรัพยากร และมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนหรือชี้นำภาคธุรกิจ KKP ได้ริเริ่มโครงการ KKP Shaping Tomorrow เพื่อให้ความรู้ที่จำเป็นสำหรับธุรกิจเกี่ยวกับการเปลี่ยนผ่านสู่ความยั่งยืนกับลูกค้ากลุ่มผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ ด้วยความเชื่อว่าการที่สถาบันเงินได้ร่วมมือกับกลุ่มผู้ประกอบการที่เป็นเซกเตอร์สำคัญเช่นนี้ จะสามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงให้เกิดขึ้นในกระบวนการ (in-process) ไม่ว่าของธนาคารหรือในธุรกิจของลูกค้า และอาจขยายผลไปสู่ความเปลี่ยนแปลงไปในภาคส่วนอื่นๆ ของสังคมที่ครอบคลุมยิ่งขึ้นต่อไป

 

นางสาวพัทนัย เหลืองตระกูล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ส่วนงานพัฒนาเพื่อความยั่งยืน กลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทร กล่าวว่า ก้าวเเรกของความยั่งยืนเริ่มต้นจากการนำกรอบการดำเนินงานเรื่อง ESG ฝังเข้าไปสู่กระบวนการการดำเนินธุรกิจ ไม่ว่าในมิติทางสิ่งแวดล้อม อย่างเช่นการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ การลดการปล่อยคาร์บอน คุณภาพของวัสดุก่อสร้าง มิติทางสังคม อย่างเช่น สิทธิและชีวิตความเป็นอยู่ของพนักงาน คู่ค้า ผู้ถือหุ้น ผู้ส่วนมีส่วนได้เสีย ตลอดจนมิติทางบรรษัทภิบาล อย่างเช่น การดูแลกระบวนการทำงานและผลิตสินค้าหรือบริการให้เป็นไปภายใต้กรอบกฎหมายหรือกฎเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง โดยสิ่งเหล่านี้ จะมีความหมายที่สุดเมื่อไม่ได้เป็นเพียงความพยายามในทางประชาสัมพันธ์ แต่เป็นการดำเนินการเพื่อความอยู่รอดและโอกาสโดยแท้จริงของธุรกิจ เพราะในที่สุดแล้ว การดำเนินการเรื่อง ESG ย่อมส่งผลโดยตรงถึงการบริหารความเสี่ยงอันเกิดจากความเปลี่ยนแปลงด้านสิ่งแวดล้อม การสร้างโอกาสของธุรกิจใหม่ภายใต้บริบทเศรษฐกิจที่เปลี่ยนไป การรักษาชื่อเสียง สถานะและความไว้วางใจที่สังคมมีให้ต่อธุรกิจ หรือแม้กระทั่งการสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่ทุกคนเห็นภาพเป้าหมายเป็นหนึ่งเดียวกัน โดยเฉพาะในสังคม Net Zero หรือ Carbon Neutrality ที่จะเป็นบริบทของธุรกิจในยุคต่อไป

 

นายร่มไทร ตัณฑโกไศย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ฝ่ายบริหารความเสี่ยงด้านเครดิตสินเชื่อธุรกิจและสถาบัน ธนาคารเกียรตินาคินภัทร กล่าวว่าทุกภาคส่วน รวมถึงธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ จำเป็นต้องเร่งปรับตัว โดยผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่ให้ความสำคัญกับนวัตกรรมด้านวัสดุและการออกแบบ ควบคู่กับการควบคุมต้นทุน ย่อมสามารถสร้างบ้านที่เย็นสบายแก่ผู้อาศัย แต่ในขณะเดียวกันก็มีคาร์บอนต่ำ และช่วยลดผลกระทบของภาวะโลกร้อนด้วย โดยหากพิจารณาโดยรอบด้าน บ้านประหยัดพลังงาน จะช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายแก่ผู้ซื้อ ส่งผลให้ความสามารถในการชำระหนี้ดีขึ้น ธนาคารจึงสามารถอนุมัติสินเชื่อบ้านได้ง่ายขึ้น ซึ่งย่อมสะท้อนกลับมาถึงผู้พัฒนาอสังหาฯ ให้สามารถปิดโครงการได้เร็วขึ้น และมีต้นทุนทางการเงินลดลง นับเป็นวงจร Ecosystem ทีช่วยทำให้โลกและธุรกิจดีขึ้นพร้อมกัน ธนาคารเกียรตินาคินภัทรจึงยินดีจะเป็นจุดเริ่มต้น เพื่อสนับสนุนให้ Ecosystem เกิดขึ้นได้

 

ด้าน นายวรกฤต จารุวงศ์ภัค ประธานกรรมการ บริษัท เคเคพี ทาวเวอร์ จำกัด กล่าวถึงเส้นทางของอาคารเคเคพี ทาวเวอร์สู่การเป็นอาคารสีเขียวว่า อาคารผ่านการออกแบบงานระบบวิศวกรรม ที่ช่วยให้ประกอบอาคารได้รวดเร็วและแม่นยำยิ่งขึ้น  มีระบบการนำอากาศจากภายนอก มาลดอุณหภูมิ ความชื้นและฝุ่นละอองก่อนที่จะจ่ายเข้าไปในภายในอาคารทำให้ลดการใช้พลังงานในการใช้ลิฟท์มากกว่าลิฟท์ปกติ 50-75% มีระบบบำบัดน้ำเสียทางชีวภาพ ตลอดจนการเลือกใช้วัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม อย่างสุขภัณฑ์ที่ประหยัดน้ำ สีทาผนัง ผ้าม่าน กระเบื้องและเฟอร์นิเจอร์ ที่ปราศจากสารพิษตกค้าง ป้องกันเชื้อรา มีสารประกอบอินทร์ระเหย (VOC) ต่ำไม่ก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขอนามัย ทั้งยังมีส่วนพื้นที่สวนธรรมชาติ และพื้นที่สำหรับกิจกรรมต่างๆ เพื่อผ่อนคลายและส่งเสริมสุขภาพให้กับพนักงาน เป็นการผสมผสานร่วมกันระหว่างอาคารสีเขียวและ ESG ขององค์กร จนได้รับการรับรองมาตรฐาน LEED ซึ่งจัดตั้งโดย U.S. Green Building Council เพื่อสนับสนุนให้เกิดการออกแบบและก่อสร้างอาคารโดยคำนึงถึงสิ่งแวดล้อมอีกด้วย

 

นอกจากนี้ ภายในงานยังมีการเสวนาหัวข้อ “ความยั่งยืนของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์” โดยนายวชิระชัย คูนำวัฒนา Head of Smart System Solution Business บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน)(SCG) นายเจมส์ ดูอัน ประธานกรรมการและผู้ก่อตั้ง บริษัท คอรัล โฮลดิ้ง จำกัด นายสุรัตน์ ลีลาทวีวัฒน์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ประธานสายสินเชื่อธุรกิจ ธนาคารเกียรตินาคินภัทร และดำเนินการเสวนาโดย นายวิศรุต ปัญญาภิญโญผล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สินเชื่อธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารเกียรตินาคินภัทร

 

นายเจมส์ ดูอัน ประธานกรรมการและผู้ก่อตั้ง บริษัท คอรัล โฮลดิ้ง จำกัด กล่าวว่า คอรัลในฐานะผู้ประกอบการอสังหาฯ นอกจากเราจะดูเรื่องของการประหยัดพลังงานได้มากที่สุด และอากาศสะอาดที่เหมาะสม ยังมีเรื่องของดิจิตัล แพลตฟอร์มที่ช่วยแสดงข้อมูลที่ชัดเจนวัดผลสิ่งที่เราทำไปทั้งหมด และจากประสบการณ์การดำเนินการด้าน ESG นั้นคือการวางแผน ถ้าวางแผนผิด การตามแก้ทีหลังเหนื่อย จึงจำเป็นต้องเอาเรื่องทั้งหมดมาคิดพร้อมกันตั้งแต่ต้น เพื่อที่จะให้เกิดประโยชน์สูงสุด

 

ด้านนายวชิระชัย คูนำวัฒนา Head of Smart System Solution Business บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน)(SCG)  กล่าวถึงการผลักดันนโยบาย ESG ในภาคอสังหาริมทรัพย์ว่าผู้พัฒนาอสังหาฯ ต้องเลือกโซลูชันที่ตอบโจทย์ด้าน ESG ตั้งแต่ต้น คือ แนวคิด การออกแบบ และค่อยไปถึงการก่อสร้าง เพื่อที่จะเลือกใช้นวัตกรรมได้อย่างเหมาะสม ซึ่งการดำเนินการด้าน ESG อยากให้คิดว่าเป็นการลงทุน มากกว่าเป็นต้นทุน เพราะปัจจุบันราคาวัสดุรักษ์สิ่งแวดล้อมก็มีให้เลือกหลากหลายตามความต้องการและไม่ได้มีราคาสูงมาก อีกทั้งยังตอบโจทย์ความต้องการลูกค้าในยุคปัจจุบันด้วย อย่างที่ SCG ก็มีดิจิตัล แพล็ตฟอร์มที่รวมการบริหารจัดการด้านพลังงาน สิ่งแวดล้อม และความปลอดภัย เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมกับการอยู่อาศัย

 

นายสุรัตน์ ลีลาทวีวัฒน์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ประธานสายสินเชื่อธุรกิจ ธนาคารเกียรตินาคินภัทร กล่าวว่าการสร้างความตระหนักรู้และการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพเป็นกุญแจสำคัญ หากผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ไม่ปรับตัว จะได้รับผลกระทบจากนโยบาย ESG ที่กำลังเกิดขึ้นในประเทศไทย ไม่ว่าเรื่องของภาษีคาร์บอน การสูญเสียโอกาสในการทำธุรกิจยุคใหม่ การขอสินเชื่อ หรือแม้แต่ผู้เช่าอสังหาฯ เพื่อทำธุรกิจรายใหญ่ในปัจจุบันก็อาจพิจารณาเลือกอาคารที่มีนโยบายเรื่อง ESG  

 

“ผู้ประกอบการพัฒนาอสังหาฯ รายใหญ่ของไทยหลายเจ้ามีการเคลื่อนไหวและตั้งเป้าหมายมาทำเรื่อง ESG กันหมดแล้วเราจะอยู่เฉยๆโดยไม่ปรับตัวได้อย่างไร ธนาคารเกียรตินาคินภัทรจึงเริ่มต้นสนับสนุนลูกค้าผู้ประกอบการอสังหาฯ ให้มีการเตรียมการเกี่ยวกับการจัดการด้าน ESG โดยธนาคารเกียรตินาคินภัทรจะเป็นศูนย์รวมความรู้และโซลูชั่นที่ช่วยสนับสนุนให้ลูกค้าดำเนินการเรื่องของ ESG ได้อย่างตรงจุด สำหรับงานในวันนี้เป็นแค่จุดเริ่มต้น เราจะมีการดำเนินการสนับสนุนลูกค้าอย่างต่อเนื่องที่ไม่เพียงแค่เรื่องของสิ่งแวดล้อม(E) แต่ยังมีเรื่องสังคม (Social) และธรรมาภิบาล (Governance) ด้วย”