ATP30 แตกไลน์ธุรกิจต่อยอดเติบโต จับมือพันธมิตรพัฒนาระบบ EVMN
ATP30 เผยแนวโน้มธุรกิจครึ่งปีหลัง 2567 มั่นใจผลประกอบการทำนิวไฮต่อเนื่อง แตกไลน์ธุรกิจ AQS – VVS เดินหน้าขยายฐานลูกค้า ร่วมมือ Strategic Partners พัฒนาระบบ EVMN รองรับบริการรถบัสไฟฟ้า ตุน Backlog 1500 ล้านบาท พร้อมเพิ่มความสามารถทำกำไร
นายปิยะ เตชากูล กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอทีพี 30 จำกัด (มหาชน) (ATP30) เปิดเผยว่า ทิศทางธุรกิจครึ่งปีหลัง 2567 แนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง จากการเพิ่มจำนวนรถให้บริการกับลูกค้ารายเดิม และมีลูกค้ารายใหม่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง อีกทั้งบริษัทมีการบริหารจัดการต้นทุนที่ดี ทั้งในด้านการบริหารจัดการการเดินรถ ต้นทุนพลังงาน และต้นทุนทางการเงิน ซึ่งจะส่งผลให้ความสามารถในการทำกำไรปรับตัวดีขึ้นเช่นกัน
ทั้งนี้บริษัทมีลูกค้าใหม่ที่จะเริ่มให้บริการรับส่งบุคลากร และรับรู้รายได้เพิ่มในช่วงไตรมาส 4/67 จำนวน 4 ราย ใช้รถโดยสารให้บริการจำนวน 34 คัน ประกอบด้วย รถบัส 22 คัน รถบัสไฟฟ้า 2 คัน รถมินิไฟฟ้า 2 คัน และรถตู้ 8 คัน โดยอยู่ในระหว่างการจัดเตรียมรถเพื่อให้บริการ
ขณะเดียวกัน ATP30 ยังมุ่งเน้นขยายบริการใหม่มากขึ้น โดยในส่วนของ VVS (VIP Vehicle Service) บริการเช่าเหมาเป็นรายเที่ยวที่เริ่มให้บริการและทยอยรับรู้รายได้มาตั้งแต่ไตรมาส 1/67 ปัจจุบันมีกระแสตอบรับที่ดีจากลูกค้าเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง AQS (A Quick Service) บริการซ่อมบำรุงรถและจำหน่ายอะไหล่ลูกค้าภายนอก โดยใช้ทีมช่างที่มีความชำนาญของบริษัทในการตรวจเช็คสภาพ ประเมินรายการ และซ่อมบำรุงอย่างครบวงจร
นอกจากนี้ บริษัทได้ร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจ ศึกษาข้อมูลพัฒนาระบบ EV Management System ซึ่งเป็นระบบควบคุมตู้ชาร์จรถไฟฟ้าขนาดใหญ่ เพื่อรองรับการขยายสัดส่วนบริการรถบัสรถไฟฟ้าในอนาคต โดยได้ดำเนินการติดตั้งตู้ชาร์จขนาด 60 Kw พร้อมระบบควบคุมเพิ่มเติม เริ่มใช้งานได้เมื่อวันที่ 7 ส.ค. 67 ที่ผ่านมา ปัจจุบันอยู่ในช่วงทดสอบระบบ
ขณะที่ผลประกอบการครึ่งปีแรก 2567 มีรายได้รวม 353.78 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนมีรายได้รวม 327.92 ล้านบาท จำนวน 25.86 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 7.89% และมีกำไรสุทธิ 21.50 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 10.24 ล้านบาท จำนวน 11.26 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 109.96%
ส่วนผลประกอบการไตรมาส 2/67 ปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง สามารถทำไรกำไรนิวไฮ 6 ไตรมาสติดต่อกัน โดยบริษัทมีรายได้รวม 176.58 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีรายได้รวม 161.01 ล้านบาท จำนวน 15.57 ล้านบาท หรือ 9.76% และมีกำไรสุทธิ 11.07 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 7.21 ล้านบาท จำนวน 3.86 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 53.54%
“บริษัทยังคงมุ่งมั่นที่จะพัฒนาระบบ และต่อยอดงานบริการให้หลากหลายยิ่งขึ้น เพื่อรองรับกลุ่มลูกค้าที่มีแนวโน้มขยายตัวเพิ่ม ด้วยการนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยร่วมกับการบริหารจัดการกระบวนการเดินรถ ซึ่งในปีนี้มั่นใจว่ารายได้ของบริษัทจะเติบโตตามเป้าหมายที่ 10% และสามารถรักษาอัตรากำไรขั้นต้นให้อยู่ในระดับ 20% รวมถึงอัตรากำไรสุทธิประมาณ 8-10% ปัจจุบันบริษัทมีรายได้ค่าบริการที่ยังไม่ได้รับรู้ (Backlog) 1500 ล้านบาท และมีจำนวนรถให้บริการรวมทั้งสิ้น 746 คันประกอบด้วย รถโดยสารบริษัทจำนวน 687 คันและรถโดยสารร่วมบริการจำนวน 59 คัน” นายปิยะ กล่าว