นายธีรวัต  อมรธาตรี  กรรมการผู้จัดการ บริษัท บางกอกชีทเม็ททัล จำกัด (มหาชน) หรือ BM เปิดเผยถึงภาพรวมธุรกิจครึ่งปีหลัง 2567 โดยเฉพาะไตรมาส 3 ว่า บริษัทเน้นกลยุทธ์ขยายธุรกิจใน 6 กลุ่มสินค้าหลักที่มีศักยภาพการเติบโต ดังนี้

1.กลุ่มตู้สื่อสาร ตู้ไฟฟ้า และตู้โลหะ (Communication Racks Cabinets and Enclosures) รุกขยายตลาด Factory Automation เน้นผลิตสินค้าขายผู้รับเหมา โรงงานอุตสาหกรรม และร้านค้า ด้วยการออกแบบสินค้าสไตล์ญี่ปุ่นที่มีความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวในราคาที่ย่อมเยา โดยตั้งเป้ายอดขายโตจากครึ่งปีแรก 20-30% 

2.กลุ่มชิ้นส่วนโลหะ (Sheet Metal Parts Press Parts Machine Parts and Assembly Parts) เพิ่มการผลิตชิ้นส่วนเครื่องจักรก่อสร้าง (Construction Machinery) สำหรับงานโยธา เจาะอุโมงค์ และงานเหมือง นอกเหนือการผลิตชิ้นส่วนสำหรับเครื่องจักรกลการเกษตรที่ทำอยู่เดิม ตามความต้องของลูกค้าใหม่ หรือลูกค้าเดิมที่ต้องการเพิ่มโปรดักส์ใหม่ 

3.กลุ่มแผงควบคุมไฟฟ้าและโคมไฟฟ้า (Electrical Switchboards and Lighting Fixtures) มุ่งเน้นการผลิต Electrical Switchboards ตามคำสั่งของลูกค้าที่เข้ามามาก ส่งผลให้ปริมาณออเดอร์ตลาดในประเทศปรับตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงครึ่งปีแรก

4.กลุ่มแม่พิมพ์โลหะ เครื่องมือ และอุปกรณ์ (Mold & Die Making Machine Tools and Equipment) บริษัทมุ่งผลิตสินค้า Energy Storage และ Electric Battery รองรับการเติบโตของธุรกิจพลังงานทดแทน พลังงานสะอาด และยานยนต์ไฟฟ้า  เพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจรองรับการเติบโตที่มั่นคง

สำหรับการใช้พื้นที่ของโรงงานแห่งใหม่ ที่ขออนุญาตเป็นเขตปลอดอากร  (Free Zone) บริษัทเตรียมเพิ่มไลน์การผลิตสำหรับการผลิตยานยนต์ไฟฟ้า และสินค้าต่างๆ โดยเน้นการใช้พื้นที่อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อสร้างการเติบโตของธุรกิจให้เป็นไปตามแผนที่กำหนด

ทั้งนี้ ผลการดำเนินงานไตรมาส 2/2567 ที่ผ่านมา บริษัทมีรายได้รวม 331.88 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11.36% จากงวดเดียวของปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 6.62 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 182% จากงวดเดียวของปีก่อนที่ขาดทุนสุทธิ 8.06 ล้านบาท

“จากแนวโน้มดังกล่าว บริษัทเชื่อมั่นว่าผลการดำเนินงานในไตรมาส 3 จะเติบโตต่อเนื่องจากครึ่งปีแรก และในไตรมาสสุดท้ายของปี 2567 บริษัทยังคงมองหาพาร์ตเนอร์ต่างประเทศ เพื่อต่อยอดธุรกิจส่งออก รวมถึงการหาลูกค้าใหม่ๆ เพิ่ม โดยเฉพาะในกลุ่มธุรกิจพลังงานสะอาด เพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจรองรับการเติบโตที่มั่นคงในอนาคต” นายธีรวัต กล่าว