”GCAP GOLD” ชี้ทองปีม้าคึก ส่อแววแตะ 4900 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์

   เมื่อ : 29 ธ.ค. 2568

บริษัท จีแคป จำกัด หรือ GCAP GOLD ชี้ทองคำปี 2569 ส่อแววทะยานต่อ ลุ้นนิวไฮแตะ 4900 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ หนุนทองไทยพุ่ง 74000 บาท ชู 3 ปัจจัยบวก ดอกเบี้ยสหรัฐฯ ขาลง-แบงก์ชาติทั่วโลกตุนทอง-ความขัดแย้งภูมิรัฐศาสตร์จีนและญี่ปุ่น จับตาเทคนิค Bullish Breakout ระยะยาว


นางสาวอารีรัตน์ มุราชัย หัวหน้านักวิเคราะห์ บริษัท จีแคป จำกัด หรือ GCAP GOLD เปิดเผยว่า ประเมินแนวโน้มราคาทองคำปี 2569 ยังคงเป็นทิศทางเชิงบวก และคาดว่าจะทำจุดสูงสุดใหม่ได้อีกครั้ง โดยประเมินกรอบเป้าหมายราคาทองโลกไว้ที่ 4750–4900 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ หรือคิดเป็นราคาทองไทย ประมาณ 72000–74000 บาท ภายใต้สมมติฐานค่าเงินบาทที่ 32 บาทต่อดอลลาร์


สำหรับมุมมองเชิงกลยุทธ์ประเมินว่า หากราคาทองคำโลกมีการพักตัวแต่ยังไม่หลุดแนวรับสำคัญ ที่ 3450 ดอลลาร์ จะยังคงเป็นการพักฐานเพื่อขึ้นต่อ โดยมีจุดเข้าซื้อที่น่าสนใจ 2 ระดับ ได้แก่ โซนพักตัวระยะสั้นที่ 4050–3990 ดอลลาร์ และโซนแนวรับลึกในกรณีปรับฐานแรงกว่าปกติที่ 3885–3750 ดอลลาร์ โดยมีกรอบรอทำกำไรเป้าหมายใหญ่กรณี Bull Case ที่ 4750–4900 ดอลลาร์


ส่วนของทองคำไทยยังมีช่องว่างให้ปรับตัวขึ้นได้อีกมาก โดยมีโอกาสขยับขึ้นไปถึงช่วง 72000–74000 บาท แต่หากเงินบาทแข็งค่าไปแตะระดับ 31 บาทต่อดอลลาร์ ทำให้ราคาไทยขึ้นช้ากว่าทองโลก อย่างไรก็ตามหากเงินบาทอ่อนค่าในช่วง 33–34 บาท ทำให้อาจจะเห็นราคาทองในประเทศมีโอกาสขึ้นเหนือ 75000 บาทได้ไม่ยาก ดังนั้นจังหวะที่ราคาย่อตัวลงมาแถวโซน 61500–60500 บาท จึงเป็นโอกาสในการเข้าสะสมเพิ่มเติม ขณะที่นักลงทุนที่ถือทองไว้ในมือที่ระดับ 64000 บาท ยังมี Upside ให้ลุ้นทำกำไรได้อีกราว 7000–10000 บาท ตามเป้าหมายสูงสุดที่ประเมินไว้


“ด้านปัจจัยหนุนสำคัญที่ต้องติดตามในปี 2569 ประกอบด้วย สัญญาณทางเทคนิคที่เป็นขาขึ้นชัดเจนในกรอบระยะยาวและการเกิด Bullish Breakout หลายครั้ง ทำให้การย่อตัวถูกมองเป็นเพียงการพักฐานเพื่อสะสมกำลัง ขณะเดียวกันทิศทางนโยบายการเงินของสหรัฐฯ ที่เข้าสู่วัฏจักรดอกเบี้ยขาลง อย่างต่อเนื่องในปี 2568–2569 รวมถึงความกังวลเรื่องความเป็นอิสระของ Fed จากการแทรกแซง ทางการเมืองและการเปลี่ยนตัวประธาน Fed ซึ่งเป็นปัจจัยบวกโดยตรงกับราคาทองคำ นอกจากนี้ยังมีแรงหนุนจากความต้องการทองคำของธนาคารกลางทั่วโลกอย่างต่อเนื่อง และแรงซื้อจากกองทุน ETF ท่ามกลางความเสี่ยงภูมิรัฐศาสตร์ที่ยังร้อนแรงโดยเฉพาะความตึงเครียดในเอเชียระหว่างจีนและญี่ปุ่น”